จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2565 เกิดเหตุคนร้ายขโมย พญาคชสีห์ราชเสนีย์พิทักษ์ เนื้อโลหะ สีดำซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ในซุ้มด้านหน้าบริเวณทางเข้าอาคารสำนักงานสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ไป 1 องค์ โดยคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งทีเป็นสถานที่ราชการตั้งอยู่หน้าสถานบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เขตทหารแท้ๆคาดว่าคนร้ายรายนี้คงอาศัยช่วงวันหยุดยาวเข้ามาขโมย พญาคชสีห์ราชเสนีพิทักษ์ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของสถาบัน เทคโนโลยีป้องกันประเทศส่วนพญาคชสีห์สยามปฐพีพิทักษ์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านขวาคู่กันไม่ถูกคนร้ายขโมยไป
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ ติดตามความคืบหน้ากับทาง พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ผกก.สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าคดีคนร้ายขโมย พญาคชสีห์ราชเสนีย์พิทักษ์ เนื้อโลหะ สีดำซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ในซุ้มด้านหน้าบริเวณทางเข้าอาคารสำนักงานสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ไป 1 องค์ โดยคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งทีเป็นสถานที่ราชการตั้งอยู่หน้าสถานบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เหตุเกิดช่วงกลางดึกคืนวันที่ 28 ก.ค.65 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเก็บหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ที่หน้าอาคารที่เกิดเหตุ ร่วมถึงบริเวณโดยรอบทั้งหมดเพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่ากล้องวงจรปิด 2 จุดสามารถบันทึกพฤติกรรมและหน้าตาของคนร้ายไว้ได้ พบว่าผู้ก่อเหตุขี่รถจยย.มาก่อเหตุเพียงคนเดียว คาดว่าน่าจะจะได้ตัวผู้ก่อเหตุเร็วๆนี้
จากการสอบถามน.ส.เฟิร์น (นามสมมุติ) อาชีพจัดสวน เล่าว่า เมื่อ 1-2 วันก่อนก็ยังอยู่ มาทำงานก็เห็น ตนทำงานอยู่ตรงนี้มา 3-4 ปี ผ่านทุกเช้า แล้วมันเอาไปได้ยังไง อยากให้เอามาคืนมันเป็นของหลวงถ้าเอาไปมันจะลำบาก ตนแก่แล้วยังต้องทำมาหากินเลยอย่ามาทำแบบนี้เลย ปกติตนมาทำงานรดน้ำต้นไม้ก็ยังมาไหว้เลย ของเซ่นไหว้ก็มีเต็มไปหมด อยากให้เอามาคืน พอไม่เห็นก็คิดมาก เมื่อเช้าก็มาไหว้ขอให้คนที่เอาไปคิดได้แล้วนำมาคืน