นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า…
บันทึกยิ่งลักษณ์ทำแสบสัน
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราว
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2554 คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีคนใหม่คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2554 มีมติคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณารายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับกรณีที่กัมพูชาขอให้ตีความคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารและคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวให้รอบด้านก่อน
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554 สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ"ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก"
วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบตามสมช.เสนอให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกตามพันธกรณีที่ไทยมีในฐานะสมาชิกของสหประชาชาติ พร้อมทั้งแนวทางในการดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวรวมทั้งให้ความเห็นชอบท่าทีของไทยในการประสานกับกัมพูชาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้เปิดการอภิปรายทั่วไปตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เพื่อรับฟังความคิดเห็นตามคำสั่งศาลโลกโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179 ทั้งนี้เนื่องจากทหารในฐานะผู้ปฏิบัติมีความกังวลว่าการถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทอาจทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุให้ประเทศเสียอธิปไตยได้ ทหารได้ขอให้สมช.นำเสนอความคิดเห็นเหล่านี้ไปยังคณะรัฐมนตรี และสมช. ก็เสนอให้คณะรัฐมนตรีขอความเห็นจากรัฐสภา การอภิปรายในวันนั้นได้มีสมาชิกให้ความเห็นว่า การดำเนินการตามมาตราการคุ้มครองชั่วคราวต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2554 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติและคณะรัฐมนตรีความมั่นคงได้เสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้พิพากษาในศาลโลก 5 คน แทนผู้พิพากษาที่จะครบวาระในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2555
วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2554 กลุ่มกำลังแผ่นดินและเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษณ์เขาพระวิหารได้ยื่นผลการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 5000 คน ในอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ต่อผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23
โดยมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ คัดค้านการถอนทหารตามคำสั่งมาตรการศาลโลกเนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยและการปกป้องดินแดนบริเวณชายแดนหากไม่มีทหารประจำการอยู่
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2554 มีการประชุม คณะกรรมาธิการกิจการชายแดน หรือ(GBC) หลังเสร็จสิ้นการประชุม GBC ฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันโดยสรุปว่าทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะปฏิบัติตามมาตราการคุ้มครองของศาลโลกโดยต้องโปร่งใส เสมอภาค และชัดเจนแน่นอน ภายใต้การตรวจสอบของผู้สังเกตการณ์ร่วม 3 ฝ่าย ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย พร้อมตั้งคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อหารือรายละเอียดการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก ในมาตรการคุ้มครองชั่วคราวที่ (PDZ) ที่ยังไม่ได้มีข้อยุติ
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2555 กลุ่มรวมพลังปกป้องดินแดนไทยอีสานใต้ประมาณ 100 คนได้ไปชุมนุมที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษณ์ เพื่อคัดค้านการถอนกำลังทหารตามคำสั่งศาลโลกและได้มีประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ เดินทางมาสมทบกับกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2555 กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดินประมาณ 200 คน ได้ไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อประชาชนจำนวน 15,312 คน ในการปฏิเสธอำนาจศาลโลกในการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารแต่ไม่เป็นผล
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2555 คณะดำเนินคดีปราสาทพระวิหารของไทย ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาในการตีความคำพิพากษา พ.ศ. 2505 และเป็นเรื่องที่ไทยจะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส มีข้อมูลมากที่สุดและมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้ข้อมูลร่วมกับกองบัญชาการทหารสูงสุด ในการที่จะพิจารณาเรื่องการออกคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงเปิดตัวหนังสือ “ข้อมูลที่ประชาชนไทยควรทราบเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารและการเจรจาเขตแดนไทย-กัมพูชา” ซึ่งจัดพิพม์โดยกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 20,000 เล่ม เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง และสาม โดยประชาชนสามารถดาว์โหลดและอ่านจากเวบไซด์ของกระทรวงการต่างประเทศได้อีกด้วย ซึ่งในเบื้องต้นยังมีข้อมูลที่คาดเคลื่อนอยู่หลายประเด็น รวมทั้งมีข้อผิดพลาดในการลำดับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ที่อยู่ช่วงต้นของข้อมูลนี้ด้วย
วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2555 กลุ่มนักวิชาการนำโดย นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ นายดาม บุญธรรม และนักวิชาการ คนอื่นๆ อีกหลายคน จัดการประชุมที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โดยมีกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอยู่เบื้องหลัง ในระหว่างที่มีการประชุมสัมมนาได้มีประชาชนชาวศรีสะเกษและกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติแผ่นดิน ทำการประท้วงไม่เห็นด้วยต่อการจัดสัมมนาครั้งนี้ ที่เป็นการให้ความรู้ผิดๆ ต่อประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียง
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555 กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทยพร้อมรายชื่อประชาชน จำนวน 460,000 คน คัดค้านอำนาจศาลโลก แต่ก็ไม่เป็นผล
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2555 กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมรายชื่อประชาชน จำนวน 460,000 คน คัดค้านอำนาจศาลโลก
วันที่ 15 – 19 เมษายน พ.ศ. 2556 ประเทศไทยและกัมพูชา เข้าให้การด้วยวาจา ณ พระราชวังสันติภาพ (ที่ทำการขององค์คณะผู้พิพากษา/ศาลโลก) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทีมทนายความฝ่ายไทยต่อสู้ตามเส้นมติคณะรัฐมนตรีโดยยืนยันว่าประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2505 ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกเสร็จสิ้นแล้วและได้ทำหนังสือจากสถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเฮก ถึงผู้พิพากษายูซูป ส่วนกัมพูชายืนยันตามเส้นเขตแดนบน แผนที่มาตราส่วน 1:200000
ทีมทนายความฝ่ายไทยได้แสดงหลักฐานภาพถ่ายและสำเนาหนังสือพิมพ์แก่องค์คณะผู้พิพากษาว่ากัมพูชายอมรับในการปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว และจำกัดการสู้อยู่แค่พื้นที่ภายในเส้นกั้นอาณาบริเวณรอบตัวปราสาทตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2505 ว่าเป็นอาณาบริเวณตามข้อ 2 ของคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505