เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ณ สนามหน้าเทศบาลตำบลท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี วัดเขาปากช่อง ร่วมกับ เทศบาลตำบลท่าแลง ชมรมอนุรักษ์วัวเทียมเกวียน-เทียมไถ จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี จัดโครงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น “ขบวนวัวเทียมเกวียนประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา ครั้งที่ 13” ประจำปี พ.ศ. 2565 ณ วัดเขาปากช่อง ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยมี นายชัยยะ อังกินันทน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี นายสาธิต อุ๋ยตระกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ นายพรชัย ภู่ระหงษ์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าแลง นายเฉลา สุวรรณชาติ กำนันตำบลท่าแลง นางสาวคนึง ไข่ลือนาม วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี ร่วมในพิธีเปิดงาน
. 
นายพรชัย ภู่ระหงษ์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าแลง กล่าวว่า พื้นที่ตำบลท่าแลงเป็นพื้นที่เกษตร ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในอดีตจึงมีการใช้แรงงานวัวในการทำการเกษตรและขนส่งพืชผลทางการเกษตร แม้ปัจจุบันตำบลท่าแลงจะไม่ได้ใช้วัวเทียมเกวียนในภาคการเกษตร แต่ยังคงมีการอนุรักษ์วัวและเกวียน เพื่อใช้ในขบวนแห่งานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแห่นาค แห่ขันหมาก แห่องค์กฐิน ผ้าป่าสามัคคี แห่เทียนเข้าพรรษา โดยพี่น้องชาวตำบลท่าแลงได้รื้อฟื้นการอนุรักษ์ซ่อมแซมเกวียนให้สามารถนำกลับมาใช้งานได้ปกติ รวบรวมวัวเทียมเกวียนร่วมขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาถวายวัดเขาปากช่อง
. 
เมื่อถึงเทศกาลวันเข้าพรรษาของทุกปี เทศบาลตำบลท่าแลง ผู้นำชุมชน พร้อมด้วยชาวตำบลท่าแลงทั้ง 10 หมู่บ้าน นำวัวเทียมเกวียนที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามนำมาแห่เทียนพรรษาเพื่อไปถวายแก่วัดเขาปากช่อง จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2551 ในสมัย พระครูปัญญาวัชราธร หรือ หลวงพ่อชวน อดีตเจ้าคณะอำเภอแก่งกระจาน อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาปากช่อง ในปีแรกมีขบวนวัวเทียมเกวียนจำนวน 30 เล่ม และมีเกวียนเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันมี พระปลัดเสน่ห์ อนุทสฺสี เจ้าอาวาสวัดเขาปากช่องรูปปัจจุบัน ได้สานต่อเจตนารมณ์ของอดีตเจ้าอาวาส ในปีนี้มีวัวเทียมเกวียนร่วมขบวนแห่จำนวนทั้งสิ้น 125 เล่ม ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดของจังหวัดเพชรบุรี และสามารถกล่าวได้ว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทยและในโลกก็ว่าได้
. 
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนเมืองเพชรบุรี ซึ่งปัจจุบัน “วัวเทียมเกวียน” ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ในปี พ.ศ. 2561 ด้านการเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีต่อไป.