เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 12 ก.ค.65 ร.ต.อ.วีระพล สุดสายแก้ว รองสารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและติดภายใน เหตุเกิดบริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 51/2 ต.บางจาก อ.พระประแดง สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่กลางถนนพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียนหัวลาก ฉะเชิงเทรา หางพ่วง ชลบุรี จอดอยู่ที่ท้ายห่างพ่วงพบรถตู้โดยสาร ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน สมุทรปราการ สภาพหน้ารถพังยับเยินชนติดอยู่กับหางพ่วงของรถบรรทุกพ่วง ภายในรถตู้โดยสารพบผู้โดยสารทั้งหมด 6 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ทราบชื่อต่อมา 1.นางสาวเกตแก้ว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี มีอาการเจ็บที่หน้าอกและปวดแขนทั้งสองข้าง 2.นางสาวโชติพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ปวดเจ็บที่หน้าอกและหัวไหล่ทั้งสองข้าง ทั้ง 2 ราย นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง และ น.ส.ปาณิสรา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ขาทั้งสองข้างถูกคอนโซลหน้ารถกดทับอยู่ ไม่สามารถขับตัวออกมาได้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิต้องใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถ่าง ตัดซากรถตู้โดยสาร อยู่นานกว่า 20 นาที จึงสามารถช่วยเหลือออกมาได้ แล้วให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย ส่งโรงพยาบาลบางประกอก 3
จากการสอบถามนายวิชาญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี โชเฟอร์รถตู้โดยสาร เล่าว่า ตนได้ขับรถมาตามเส้นทางถนนสุขสวัสดิ์มุ่งหน้าพระสมุทรเจดีย์ ตนขับมาเร็ว มองไม่เห็นท้ายรถบรรทุกพ่วง เห็นอีกทีคือใกล้แล้ว ทำให้หักหลบไม่ทันและเบรคไม่อยู่ เนื่องจากรถเทเลอร์คู่กรณีช่วงยาว ทำให้พุ่งชนเข้าที่ท้ายรถบรรทุกพ่วง มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
จากการสอบถามนายธนกร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี คนขับรถบรรทุกพ่วง เล่าว่า ตนได้ขับมาตามเส้นถนนสุขสวัสดิ์ โดยวิ่งมาเรื่อยๆ จู่ๆ ได้ยินเสียงรถมาชนท้ายพ่วงอย่างแรง ตนคิดว่าคนขับรถตู้น่าจะมาด้วยความเร็ว ถึงขนาดทำให้ตนรู้สึกถึงแรงกระแทก ตนจึงรีบจอดรถและลงมาดู พบว่ารถตู้คันดังกล่าวได้ชนติดอยู่ที่ห่างพ่วง มีคนเจ็บติดอยู่ภายในรถตู้ ตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลือ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า โชเฟอร์รถตู้โดยสารน่าจะขับมาด้วยความเร็ว น่าจะมองไม่เห็นท้ายพ่วง จึงพุ่งชนท้ายพ่วงอย่างจังทำให้ผู้โดยสารที่นั่งมาได้รับบาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ และเชิญตัวคนขับทั้งสองฝ่ายมาสอบเพิ่มเติมที่โรงพัก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป