ตร.เตือนห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา ประจำปี 2565 พร้อมดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการอำนวยความสะดวกการจราจรช่วงวันหยุดยาว 13-17 ก.ค.65

วันที่ 12 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2565 และวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2565 เป็นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีประกาศ ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในท่าอากาศยานนานาชาติ

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้สร้างการรับรู้ถึงเรื่องนี้  และขอความร่วมมือมายังประชาชน และผู้ประกอบการร้านค้า ให้งดจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งชนิดขายส่งและขายปลีกทั่วราชอาณาจักร ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืน (เวลา 24.00 น.) ของคืนวันที่ 12 ก.ค. 65 จนถึงเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 14 ก.ค. 65 (ยกเว้นเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ) หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 39 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 
หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2565 เป็นช่วงวันหยุดยาวถึง 5 วัน ประชาชนใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดและเตรียมออกเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว และทำบุญกันเป็นจำนวนมาก 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะการใช้รถ ใช้ถนน สัญจรเดินทาง จึงได้สั่งการไปยัง บช.น., ภ.1-9, บช.ก.(บก.ทล.), บช.ทท. และหน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกการเดินทาง และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน 

ส่วนสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายดูแลตนเองและครอบครัว ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองติดเชื้อ หรือเป็นผู้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น และขอให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท โดยเฉพาะคดีที่ส่งผลกระทบกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องปากท้องอยู่แล้ว ต้องเร่งรัดป้องกันและปราบปราม มิให้มิจฉาชีพก่อความเดือดร้อนซ้ำเติมอีก ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสอาชญากรรมได้ที่หมายเลข 191 และ 1599 ได้ตลอดเวลา