วันที่ 9 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมสบายโฮเทล อ.เมือง จ.นครราชสีมา  นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 4.0 เขตสุขภาพที่ 9 นครชัยบุรินทร์ โดยมีนายวีรศักดิ์  หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม นายแพทย์พงศ์เกษม  ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 นายพลพีร์  สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายแพทย์ณรงค์  สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายภูมิสิทธิ์  วังคีรี รอง ผวจ.นครราชสีมา รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ นักการเมืองท้องถิ่นและส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท) ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้การต้อนรับ 

สำหรับกิจกรรม จะประกอบไปด้วยการมอบนโยบายให้แก่ อสม. จาก 4 จังหวัดในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 นครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วยประธาน อสม.ระดับจังหวัด, ระดับอำเภอ และระดับตำบล รวม 528 คน และร่วมฝึกอบรมความรู้ ด้านวิชาการ ทักษะการปฏิบัติงาน อย่างสม่ำเสมอ จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อเป็นผู้นำในการจัดการปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน ร่วมกับ ทีมหมอครอบครัว และเครือข่ายสุขภาพ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
     


โดย นายอนุทิน กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขไทยที่มีความแข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกนั่นก็คือ ระบบสุขภาพปฐมภูมิ ซึ่งเป็นระบบการควบคุม ป้องกันโรค ที่ทำให้ประเทศไทย และคนไทยสูญเสียจากโควิด 19 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นระบบที่ทั่วโลกยกย่องว่า เป็นระบบที่ดีที่สุดของโลก การมีระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เข้มแข็งเพื่อการดูแลประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศให้มีสุขภาพที่ดี ปลอดโรค เป็นนโยบายและเป้าหมายที่เราต้องสร้างขึ้น เพื่อเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขไทยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบายคนไทยทุกคนต้องมีหมอสามคนเป็นหมอประจำตัว และหมอประจำครอบครัว โดยมี อสม. ทำหน้าที่เป็นหมอประจำบ้าน (หมอคนที่ 1) ดูแลสุขภาพประชาชนแต่ละบ้านให้สามารถเข้าถึงบริการเข้าถึงข้อมูล และลดภาระ ค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางไปพบแพทย์ ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำให้ ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง ถือเป็น "มิตรแท้ใกล้ตัว ใกล้ใจ" และสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี 

ทั้งนี้ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ตระหนักถึงความสำคัญของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งทั่วโลกให้การยกย่องผลงานเชิงประจักษ์ ในการทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด 19 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี  สะท้อนให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ อสม. ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ช่วยดูแลส่งเสริมสุขภาพประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศอย่างทั่วถึง กระทรวงสาธารณสุขจึงมีการพัฒนาศักยภาพของ อสม.ให้เป็น “หมอประจำบ้าน” และ “อสม. 4.0” มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและด้านดิจิทัล เพื่อเป็นจิตอาสาดูแลสุขภาพและเป็นต้นแบบการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน โดยส่งเสริมให้ อสม. ใช้แอปพลิเคชั่น “Smart อสม.” ในการรับข่าวสาร ข้อมูลสุขภาพ การคัดกรองติดตามอาการของผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เก็บข้อมูลการสำรวจลูกน้ำยุงลาย รวมถึงรายงานผลการปฏิบัติงาน เป็นต้น  

ปัจจุบันมี อสม. ที่สามารถเข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชั่น “Smart อสม.” แล้วประมาณ 60% จาก อสม. ทั้งหมด 1.05 ล้านคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นภารกิจสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ อสม. ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานมากที่สุด