จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยไตรมาส 2/2565 ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พบว่า ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว โดยในไตรมาสที่ 2/2565 อยู่ที่ระดับ 53 สะท้อนสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากเมื่อเทียบกับปี 2562และคาดว่าในไตรมาส 3/2565 สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/2565 โดยมีค่าดัชนีคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวอยู่ที่ระดับ 62
สร้างรายได้รวมของช่วงปี
ซึ่ง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ตั้งเป้าหมายการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยปี 2565 โดยไตรมาสแรกหวังเห็นโรงแรมที่พักทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพัก 50% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 28% ซึ่งเป็นจุดวิกฤติที่ทำให้โรงแรมที่พักได้จุดคุ้มทุน พร้อมการฟื้นตัวของอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% ภายใต้การฟื้นตัวของปริมาณที่นั่งผู้โดยสาร (Capacity) ของเที่ยวบินในประเทศที่ 50% เมื่อเทียบกับปี 2562
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 62,580 บาท แต่ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้พบว่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 77,000 บาท ก่อนจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ที่จะ หรือ Visit Thailand Year ระหว่างปี 2565 - 2566 ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับยอดเกือบ 40 ล้านคนเมื่อปี 2562 และจะมีนักท่องเที่ยวไทยใกล้เคียงปี 2562 จำนวน 172 ล้านคน-ครั้ง
แบ่งตลาดนท.ออกเป็น 2 กลุ่ม
โดย นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้แบ่งตลาดนักท่องเที่ยวเป็น 2 กลุ่ม คือ ตลาดระยะไกล ได้แก่ ยุโรป และอเมริกา คาดว่าช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ามากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ส่วนตลาดระยะสั้น ได้แก่ อินเดีย และประเทศที่มีพรมแดนติดไทย สามารถเดินทางเข้า-ออกไทยได้สะดวกขึ้น รวมถึงประเทศแถบตะวันออกกลาง เป็นอีกกลุ่มที่ไทยเล็งเห็นศักยภาพในการใช้จ่ายและพยายามดึงเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่ส่วนมากยังกลับมาท่องเที่ยวในไทยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คาดหวังกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีน จะกลับมาคึกคักช่วงปลายปีและต่อเนื่องถึงตรุษจีนปีหน้า โดยปี 2565 นี้ ททท. ตั้งเป้าจะต้องกระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ 10 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้รวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
ขณะที่ สถิตินักท่องเที่ยวปี 2562 มีจำนวน 39,000,000 สร้างรายได้กว่า 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง 7.6 ล้านคน โดยมีวันพักเฉลี่ยประมาณ 14 วัน สร้างรายได้กว่า 532,000 ล้านล้านบาท และภูมิภาคอเมริกา 1.55 ล้านคน มีวันพักเฉลี่ยประมาณ 14.46 วัน
สำหรับตลาดยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง นับตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยว เดินทางมาประเทศไทยกว่า 430,000 คน โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2565 จากภูมิภาคยุโรปฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 3.25 ล้านคน ภายใต้เงื่อนไขที่เอื้อต่อการเดินทาง อาทิ เพิ่มจำนวนไฟลท์ตรงจากประเทศต้นทาง และมาตรการการเดินทางเข้าประเทศที่สะดวก โดยคาดการณ์รายได้นักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ราว 75,000-80,000 บาทต่อทริปต่อคน หรือประมาณ 2 แสน 4 หมื่นล้านบาทถึง 2 แสน 6 หมื่นล้านบาท
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหากับรัสเซีย อาทิ สามารถมีเที่ยวบินตรงจากรัสเซียมาไทย แก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน มากขึ้น เป็นต้น โดยคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 3.75 ล้านคน และสร้างรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท พร้อมกับเพิ่มโอกาสในการดึงนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย ททท. ด้วยการส่งเสริมตลาดดาวรุ่งซาอุดีอาระเบีย โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 100,000 คนภายในปี 2565 สร้างรายได้ประมาณ 70,000 บาทต่อคนต่อทริป คิดเป็นรายได้ 7,000 ล้านบาท และสำหรับตลาดตะวันออกกลางคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยว 400,000 คน สร้างรายได้ 28,000 ล้านบาท
ด้าน นางสาวขนิษฐา พันธุ์วรวัฒน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานมอสโก ประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ได้ดำเนินการในเรื่องการดำเนินการด้านการตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวผ่าน Connection flight via ตะวันออกกลาง เช่นสายการบิน Etihad Airline, Emirate Airlines, Qatar Airways, Turkish Airlines เป็นต้น ผ่านการทำตลาดระยะสั้น 3เดือน ช่วงเวลา Summer season ของรัสเซีย คือตั้งแต่เดือนมิถุนายน -สิงหาคม ผ่านกิจกรรมประชาสัมพันธ์โซเชียลมีเดียในสหพันธรัฐรัสเซีย และในช่วงระยะยาว 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม 2565 ทาง ททท.มอสโกได้วางแผนด้านกิจกรรมJoint Marketing ร่วมกับสายการบินและตัวแทนบริษัททัวร์, Tour operator ที่มีศักยภาพเพื่อผลักดันนักท่องเที่ยวรัสเซียให้เดินทางมาท่องเที่ยวไทยในช่วงWinter season (ตุลามคม-ธันวาคม 2565) มากยิ่งขึ้น
ต้องการแรงงานเพิ่มในไตรมาส 4
ขณะที่ นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ในส่วนของการจ้างงานช่วงไตรมาส 2/2565 จำนวนการจ้างงานของผู้ประกอบการที่เปิดกิจการขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 โดยธุรกิจโรงแรมร้อยละ 20 คาดว่ามีความต้องการแรงงานเพิ่มในไตรมาส 4/2565 และมีการเปิดบริการร้อยละ 92 ขณะที่ร้อยละ 80 ของโรงแรมทั้งหมดมีรายได้เข้ามาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสภาวะปกติ โดยมีอัตราการเข้าพักในภาพรวมทั่วประเทศอยู่ที่ร้อยละ 34
ซึ่งความหวังของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากได้เปิดประเทศเต็มรูปแบบและปลดล็อกมาตรการสำหรับสถานการณ์ประกอบการในประเทศกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้เชื่อว่าโอกาสในการกลับมาของนักท่องเที่ยวมีสูงมาก โดยคาดว่าในไตรมาส 2 น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 3 ล้านคน และเพิ่มเป็น 4.5-5 ล้านคนในไตรมาส 4 และหากโชคดีจีนผ่อนคลายมาตรการเดินทางในช่วงปลายปีจะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสรับนักท่องเที่ยวจีนด้วย ดังนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามา 12 ล้านคน จึงมีแนวโน้มความเป็นไปได้
แต่ปัจจุบันปัญหาหลักของตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้าคือ เที่ยวบินขาดแคลน นักท่องเที่ยวที่สนใจมาประเทศไทยไม่สามารถเดินทางได้ ดังนั้น จึงเสนอให้รัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณสำหรับทำโปรโมชั่นร่วม (joint promotion) กับสายการบินต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสายการบินในการเพิ่มเที่ยวบินเข้าประเทศไทย รวมถึงสนับสนุนงบฯบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (charter flight) เพื่อนำนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งการสนับสนุนเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์ดังกล่าวยังทำให้สามารถเข้าพื้นที่ได้ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง อีกยังเป็นการช่วยกระจายนักท่องเที่ยวและรายได้สู่เมืองรองตามเป้าหมายได้อีกด้วย