วันที่ 6 ก.ค.ที่ บก.ปอศ.พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วีระพงษ์ หอมหวล, พ.ต.ท.อดิชาต อมรประดิษฐ รอง ผกก.1 บก.ปอศ.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สรัล ยศพลพิเนต สว.กก.1 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าตำรวจ กก.1 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม นายสมาน (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 122/2553 ลง 1 เมษายน 2553 ฐานความผิด “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร”โดยจับกุมได้ที่สถานทีบริเวณลานวัด วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และคำสั่งกองบัญชาการสอบสวนกลางโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและการกระทำความผิดรวมถึงการก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับชีวิตและการล่วงละเมิดทางเพศในผู้เยาว์กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
สำหรับพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ได้รับแจ้งเบาะแสว่า นายสมาน (ขอสงวนนามสกุล) ผู้มีหมายจับของศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 122/2553 ลง 1 เมษายน 2553 ฐานความผิด “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร” หลบหนีมาพักอาศัยย่านตลาดต้องชม จังหวัดสิงห์บุรี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปอศ. สืบสวนหาข่าวจนทราบ นายสมาน (ขอสงวลนามกสุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งหลบหนีมามากกว่า 10 ปี มากบดานอยู่ที่ ย่านตลาดต้องชม จังหวัดสิงห์บุรี จึงได้เรียนผู้บังคับบัญชาและวางแผนจับกุม จนสามารถจับกุมตัว นายสมาน (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้ บริเวณลานวัด วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
จากการสอบสอนนายสมาน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนประกอบอาชีพช่างไฟฟ้า พบกับเด็กหญิงผู้เสียหายต่างหมู่บ้านและรู้สึกชอบพอ จึงพูดคุยหลอกล่อจนเหยื่อหลงเชื่อ เมื่อสบโอกาสจึงชักชวนเหยื่อไปที่ห้องเช่า และลงมือข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อเสร็จกิจจึงปล่อยกลับบ้าน หลักจากนั้นมารดาของเหยื่อพบความผิดปกติและได้สอบถามจากเด็กหญิง จนทราบว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงนำเด็กหญิงเข้าแจ้งความในสถานีตำรวจพื้นที่
บก.ปอศ. ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนว่า การกระทำลักษณะนี้เป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ซึ่งมีอัตราโทษ “จำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000 ถึง 400,000 บาท” “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”