วันที่ 6 ก.ค.65 สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล ออกแถลงการณ์เรื่องคัดค้านการออกกฎหมายกัญชาเสรี  สุราก้าวหน้าและการสมรสเท่าเทียม  ผิดหลักการศาสนาเพิ่มปัญหาสังคมทำลายเยาวชนของชาติ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูลได้ชี้แจงและทำความเข้าใจว่า สำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามแล้วไม่อาจปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้  เนื่องจากขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลามและเป็นข้อห้ามสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามโดยเด็ดขาด

ในการนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล  ขอยึดแนวปฏิบัติตามคำวินิจฉัย ฟัตวา จุฬาราชมนตรีที่ 1/2563 และประกาศฝ่ายกิจการฮาลาลกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยฉบับที่ 8/2564 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2564

โดยทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูลได้ระบุในแถลงการณ์ข้อความ  ตามหลักฐานอัลกุรอาน ที่ระบุว่า  "พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับสิ่งมึนเมาและการพนันจงตอบเถิดว่าทั้งสองนั้นมีโทษอันมหันต์และมีคุณอยู่บ้างแต่โทษของมันหนักหนากว่าคุณประโยชน์" 

ทั้งนี้ คำแถลงการณ์นี้ได้ถูกจัดพิมพ์เป็นไวนิลแจกจ่ายให้ทุกมัสยิดทั้ง 242 แห่งทั่วจังหวัดสตูล เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการออกกฎหมายกัญชาเสรีผิดหลักการศาสนา  เพิ่มปัญหาสังคมทำลายเยาวชนของชาติ

นายอรุณ อุมาจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล และชมรมผู้บริหารมัสยิดจังหวัดสตูลได้ชี้แจง  และทำความเข้าใจว่า  สำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามแล้วไม่อาจปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้  เนื่องจากขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลามและเป็นข้อห้ามสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามโดยเด็ดขาด

สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล และชมรมผู้บริหารมัสยิดจังหวัดสตูลขอยึดแนวปฏิบัติตามคำวินิจฉัย ฟัตวา ของท่านจุฬาราชมนตรีที่ 1/2563 และประกาศฝ่ายกิจการฮาลาลกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยฉบับที่ 8/2564 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2564 โดยสรุป ดังนี้

-การใช้กัญชงกัญชาเพื่อสันทนาการและความสราญใจ เช่น การกิน การดื่ม สูบ เคี้ยว ดม หรือวิธีใดก็ตามถือเป็นฮารอมหรือสิ่งต้องห้ามฐานเดียวกับการดื่มสุรา

-การใช้การชงกัญชาเพื่อการรักษาเป็นข้อยกเว้นสำหรับการนำมาใช้ทางการแพทย์ในการรักษาหากมีความจำเป็น

พร้อมขอให้อีหม่ำทุกมัสยิดต้องทำงานให้เข้มแข็งมากกว่าเดิม เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับเยาวชน เพื่อที่จะเป็นวัคซีนในการป้องกันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกัญชา  พร้อมกันนี้อยากให้ทางรัฐบาลทบทวนกฎหมายดังกล่าวโดยเชื่อว่าเป็นโทษมากกว่าประโยชน์อีกทั้งยังผิดหลักคำสอนทางศาสนา