พ่อตาวัย 64 ปี เป็น อส.ตร. ต.เขาไพร อ.รัษฏา ก่อเหตุใช้อาวุธปืน 9 มม. บุกไล่ถล่มยิงลูกเขยวัย 46 ปี ไม่ยั้งมือก่อนวิ่งหนีตายดับคาห้องนอน หลังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันหลายปี แค้นแทนลูกสาวถูกสามีชวนทะเลาะอยู่บ่อยครั้ง เมียเผยแยกกันอยู่ 5-6 ปีแล้ว เนื่องจากทนไม่ได้ที่สามีชอบหึงหวง จนล่าสุดสามีจะขอกลับมาอยู่ด้วย แต่ตนไม่ยินยอม จนพ่อตารู้เรื่องและมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น   

    เมื่อเวลา 00.10 น. วันนี้ 4 ก.ค.65 ร.ต.อ.ทรงวุฒิ ทองสม รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัษฏา จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุพ่อตาใช้อาวุธปืนยิงลูกเขยเสียชีวิต หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับขั้น ก่อนเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย กำลังชุดสืบสวนกองกำกับการภูธร จ.ตรัง ฝ่ายปกครอง แพทย์เวร รพ.รัษฏา และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างภักดีตรัง 

 

    ถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้านและภายในบ้านพบปลอกกระสุนตกอยู่เกลื่อนกว่า 20 ปลอก และหัวกระสุนปืนอีกจำนวนหลายหัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เข้าไปภายในทางเดินเข้าห้องกลางของบ้าน พบร่างนายประพันธ์ อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป นอนเสียชีวิตจมกองเลือด เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพพบถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณด้านหน้า และด้านหลังทั่วร่างจำนวน 10-15 นัด จนเป็นแผลแผลฉกรรจ์   

ในเวลาต่อมา นายนิคม  อายุ 64 ปี เป็นอาสาตำรวจบ้าน (อส.ตร.) ต.เขาไพร ซึ่งเป็นพ่อตาของผู้เสียชีวิต และเป็นผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัษฏา พร้อมด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 1 กระบอก เบื้องต้นได้ให้การรับสารภาพเป็นคนลงมือก่อเหตุ โดยขับรถออกจากบ้านห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 2-3 กม. เนื่องจากความโกธรแค้นที่ลูกสาวถูกผู้ตายหาเรื่องชวนทะเลาะอยู่บ่อยครั้ง ก่อนเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน

    จากการสอบถาม น.ส.สุนารี อายุ 43 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต อาชีพรับจ้างทั่วไป เปิดเผยว่า ตนกับผู้ตายมีลูกด้วยกัน 4 คน ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งแยกกันอยู่มาได้ประมาณ 6 ปีแล้วไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ตาย ก็ได้เข้าออกบ้านหลังนี้มาโดยตลอด จนวันนี้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มาพูดคุยกับตน ขอกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน พร้อมกับพูดว่า "ถ้าไม่ให้กูอยู่ ไม่กูตายมึงก็ตาย" ตนได้ยินทันใดนั้นเกิดความกลัว จึงรีบออกไปขี่รถจยย.ขี่ไปบ้านพี่สาวนายประพันธ์ อยู่ห่างประมาณ 100 เมตร พร้อมโทรให้ลูกสาวมาช่วยคุยกับผู้ตายให้กลับไปนอนที่บ้าน แต่กลับถูกปิดประตูใส่ไม่ยอมคุยด้วยตนจึงไม่กล้ากลับบ้าน ต่อมาตนได้ยินเสียงดังคล้ายปืนดังขึ้นหลายครั้งใกล้ๆบ้านพี่สาวผู้ตายแต่ไม่กล้าออกมาดู ก่อนมาทราบจากลูกสาวภายหลังว่าสามี ถูกพ่อของตนยิงเสียชีวิตแล้ว

น.ส.สุนารี เผยอีกว่า ที่ผ่านมาตลอดเวลาที่คบหานายประพันธ์ มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้งในเรื่องหึงหวง โดยถูกผู้ตายสั่งไม่ให้คุยกับใคร ไปนอกบ้านหรือทำงานก็ไม่ได้ ขณะเดียวกันผู้ตายมักเสพยาเสพติด ตนทนไม่ไหวจึงได้เลิกรากัน พ่อของตนเคยสอบถามอยู่บ่อยครั้งแต่ตนก็ไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง และไม่รู้สาเหตุว่าทำไมพ่อต้องใช้อาวุธปืนยิงใส่นายประพันธ์จนเสียชีวิตดังกล่าว

    ขณะที่ นางปรียานันท์ อายุ 49 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นายประพันธ์น้องชายได้เลิกรากับภรรยานานแล้ว เท่าที่เห็นทะเลาะกันบ่อยครั้งในเรื่องหึงหวงยู่บ่อยครั้ง โดยมักมาเฝ้าน.ส.สุนารีไม่ให้ออกไปไหน จนเลิกรากันไป หลังจากนั้นผู้ตายก็จะมาที่บ้านแฟนเก่าบ่อยครั้ง โดยมักนำของกิน ของใช้มาและพูดคุยกับลูกที่พิการ ส่วนสาเหตุที่ถูกนายนิคม ผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงจนเสียชีวิตนั้น ตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่ามีปัญหาอะไรกัน ที่ผ่านมาน้องชายตนมีปัญหาเสพยาเสพติด ถูกจับอยู่บ่อยครั้ง

จากการพลิกแฟ้มประวัติพบว่าผู้เสียชีวิตเพิ่งพ้นโทษในคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยาเสพติด เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.64 หรือ 7 เดือนที่ผ่านมา และเคยต้องคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยาเสพติดมาจำนวนหลายคดี ส่วนนายนิคม ซึ่งเป็นพ่อตา เคยต้องคดีและพัวพันในคดีก่อเหตุยิง 2 สามีภรรยาเมื่อหลายปีก่อนแต่ได้ประกันตัวสู้คดีไม่ได้ต้องโทษคุมขังแต่อย่างใด