วธ.จัดพิมพ์หนังสือผ้าไทยลายอัตลักษณ์ 76 จังหวัด ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2565
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้ขับเคลื่อนสืบสานงานศิลปวัฒนธรรมของชาติตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ผ้าพื้นถิ่น และการรณรงค์ส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย รวมทั้งผลักดันในการแข่งขัน Soft Power จึงดำเนินการจัดทำหนังสือ “ผ้าไทยลายอัตลักษณ์ 76 จังหวัด” โดยมอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรม 76 จังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการค้นหาผ้าลายอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ซึ่งมีทั้งจังหวัดที่มีลายผ้าดั้งเดิมที่เป็นลายผ้าประจำจังหวัดอยู่แล้ว และจังหวัดที่ยังไม่มีลายผ้าประจำจังหวัด ให้ดำเนินการเชิญภาคีเครือข่ายร่วมกันคิดค้นลายอัตลักษณ์ขึ้นใหม่ ให้มีความโดดเด่น บ่งบอกถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาประจำถิ่น โดยผ้าลายอัตลักษณ์ทั้ง 76 ลาย ได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ทุกจังหวัดจะมีลายผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัด
ผ้าลายพิกุลพลอย จ.นราธิวาส
แคนแก่นคูน จ.ขอนแก่น
ผ้าทอลายช่อใบมะขาม จ.ชัยนาท
ลายแก้วชิงดวง จ.ตรัง
ผ้าไหมแพรวาลายนาค ๑๒ แขน จ.กาฬสินธุ์
ลายเชียงแสนหงส์ดำ จ.เชียงราย
การจัดทำหนังสือ “ผ้าไทยลายอัตลักษณ์ 76 จังหวัด” ของวธ.ในครั้งนี้เป็นการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนในจังหวัดที่จะได้มีผ้าลายอัตลักษณ์ของตนเอง และหันกลับมาส่งเสริมการใช้ผ้าไทยให้ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถนำลายผ้าอัตลักษณ์มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ของฝากของที่ระลึกประจำจังหวัดได้ด้วย ทั้งยังสามารถช่วยชุมชนและผู้ประกอบการด้านผ้าทอให้มีรายได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน โดยเนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ความเป็นมาของผ้าโบราณ ที่มาและกระบวนผลิตผ้าลายอัตลักษณ์ 76 จังหวัด รวมถึงผลงานของศิลปินแห่งชาติสาขาทัศน์ศิลป์ในด้านผ้าทอและด้านการออกแบบแฟชั่น เมื่อจัดพิมพ์แล้วเสร็จจะแจกจ่ายหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ รวมถึงสถาบันเกี่ยวกับสิ่งทอต่อไป สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามอ่านได้ในรูปแบบ e-book ใน www.m-culture.go.th และ ทางเฟสบุ๊ก ThaiMCulture อีกด้วย





