นายสุธนต์ ไชยมุด ประธานแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลปกาสัย เปิดเผยว่า เกษตรกรในตำบลปกาสัย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ส่วนใหญ่ปลูกปาล์มน้ำมันเป็นอาชีพหลัก และมีพื้นที่ปลูกกว่า 14,000 ไร่ สำนักงานเกษตรอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลปกาสัย เมื่อ ปี 2562 เริ่มแรกมีสมาชิกจำนวน 41 ราย พื้นที่ 712 ไร่ ต่อมาได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด แปลงใหญ่ ปาล์ม ต.ปภาลัย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ปัจจุบันมีสมาชิก 56 ราย พื้นที่ 1,050 ไร่ ผลผลิตรวม 3,255,000 กิโลกรัมต่อปี มีการบริหารจัดการกลุ่มที่เข้มแข็ง ปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียน มากกว่า 1,000,000 บาท

ด้าน นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่าปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจหลักชนิดหนึ่งของภาคใต้ โดยปลูกมากในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และกระจายอยู่ทั่วทุกจังหวัด รวมพื้นที่กว่า 5 ล้านไร่ และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันความต้องการปาล์มน้ำมันเพื่อนำไปผลิตเชื้อเพลิงทดแทน (ไบโอดีเซล) และ น้ำมันสำหรับบริโภค ตลอดจนนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มสูงมากขึ้น กอปรกับค่าปัจจัยการผลิต ต้นทุนปุ๋ยเคมีราคาสูงขึ้น กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้กระบวนการของแปลงใหญ่มาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน มีการบริหารจัดการกลุ่มที่เข้มแข็ง และตลาดรองรับที่แน่นอน ดังเช่น แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลปกาสัย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ซึ่งปีนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศแปลงใหญ่ดีเด่นของจังหวัดกระบี่ ถือเป็นแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพในการดำเนินงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ สามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้ผลิตปาล์มน้ำมันได้อย่างมีคุณภาพและเกิดความยั่งยืน โดยการรับความรู้จากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)

ซึ่งจังหวัดกระบี่มี ศพก. หลัก ทั้ง 8 อำเภอ เป็น ศพก.ด้านการผลิตปาล์มน้ำมัน เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันของจังหวัดกระบี่และในภาคใต้ได้มาศึกษาดูงาน และนำองค์ความรู้ต่างๆ ไปใช้ในแปลงใหญ่ จุดเด่นของกลุ่มแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลปกาสัย อีกอย่างคือเกษตรกรมีใช้เกษตรสมัยใหม่ในการผลิต โดยนำเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาใช้ในการจัดการสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อลดต้นทุนการผลิต และการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ตามโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) ซึ่งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยศูนย์ดินปุ๋ยชุมชนในพื้นที่มาบริการให้เกษตรกรแปลงใหญ่ และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ร่วมกับปุ๋ยเคมี ทำให้สามารถลดต้นทุนจากเดิมไร่ละ 6,800 บาท เหลือไร่ละ 5,440 บาท และมีการผลิตและใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ในการป้องกันกำจัดโรค สร้างความแข็งแรงให้ต้นปาล์มน้ำมัน 

นายสุธนต์ ไชยมุด ประธานแปลงใหญ่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในด้านการพัฒนาคุณภาพผลผลิต สมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ได้จัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างดี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐานทะลายปาล์มน้ำมัน ตามมาตรฐาน มกษ 5702-2562 และสมัครเข้าร่วมการรับรองมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันแบบยั่งยืน RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) ที่ครอบคลุมมิติความยั่งยืนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้าน สังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมากที่สุดขณะนี้ โดยสมาชิกกลุ่มเข้ารับความรู้แล้วกว่าร้อยละ 80 ของสมาชิกทั้งหมด และได้รับการรับรอง RSPO แล้ว ร้อยละ 61 ที่เหลืออยู่ในระหว่างการดำเนินการ โดยกลุ่มได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ได้แก่ บริษัท ศรีเจริญปาล์มออยด์ จำกัด เพื่อให้ผลผลิตมีตลาดรองรับที่แน่นอน และสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงกว่าทั่วไป ซึ่งเกษตรกรได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการรวมกันเป็นเกษตรแปลงใหญ่