“น้องแพม” นางสาวธารารัตน์ ไชยนามน วัย 33 ปี เปิดใจหลังโพสต์โซเชียลถูกเจ้าบ่าวเทงานแต่ง เผยตกลงสินสอด 149,999 ทองหนัก 2 บาท แต่พอถึงวันแต่งกลับมีมาแค่ 15,000 บาท ด้านเจ้าบ่าวเผยถูกญาติฝ่ายเจ้าสาวเรียกค่าสินสอดเพิ่ม เป็น 200,000 บาท ไม่ทำตามข้อตกลง  จึงไม่แห่ขันหมากไปแต่งงาน

วันที่ 25 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กและติ๊กต๊อก โพสต์ภาพพร้อมข้อความ “สงสารพี่สาวมาก จัดงานแต่งแต่ผู้ชายไม่มา เคยเห็นแต่คนอื่น ไม่คิดจะเจอกับครอบครัวตัวเอง”  และผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งเป็นบุคคลในภาพชื่อธารารัตน์ ไชยนามน ได้แสดงความคิดเห็นว่า  “เคยเห็นแต่ในข่าว เจอกับตัวเอง เจ็บโคตรๆๆๆๆๆ ค่ะ” ซึ่งหลังมีการโพสต์มีผู้เข้ามากดไลน์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก


โดยผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริง กับนางสาวธารารัตน์ ไชยนามน หรือน้องแพม อายุ 33 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 12 บ้านโนเที่ยง ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์  ซึ่งนางสาวธารารัตน์ เปิดเผยว่า ภาพและบุคคลในภาพดังกล่าว เป็นภาพงานแต่งงานของตนกับเจ้าบ่าวจริง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพบรรยากาศการแต่งงานที่ไม่มีเจ้าบ่าวมาร่วมพิธี ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากทางฝ่ายเจ้าบ่าว ไม่มาแต่งงาน ทราบว่าสินสอดไม่ครบ ตามที่ตกลงกันไว้ในวันที่มาสู่ขอและหมั้นหมาย


นางสาวธารารัตน์ กล่าวว่า ตนกับเจ้าบ่าวเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน พบรักกันที่กรุงเทพฯประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะกลับบ้านทำพิธีหมั้นหมายตามประเพณี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 สำหรับสินสอดที่ตกลงกันไว้คือ 149,999 บาท ทองหนัก 2 บาท โดยมอบให้ในวันหมั้นไว้ 1 บาท กำหนดจัดพิธีแต่งงานวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 แต่ช่วงนั้นคนในครอบครัวติดโควิด-19 จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ทั้งนี้ก่อนถึงวันแต่งงาน ก็มีการตระเตรียมทุกอย่างได้พร้อมสรรพ ทั้งจัดห้องหอ สถานที่ ของชำร่วยมอบให้กับญาติผู้ใหญ่และแขกที่จะมาร่วมงาน รวมทั้งว่าจ้างวงดนตรี ล้มวัว โต๊ะจีน รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 160,000 บาท ซึ่งตนก็สอบถามทางเจ้าบ่าวตลอดว่าเงินสินสอดและทองพร้อมหรือยัง เจ้าบ่าวก็ยืนยันว่าพร้อมทุกอย่าง เงินครบทุกบาททุกสตางค์แล้ว แต่พอวันแต่งงานในช่วงเช้า ก็มีญาติทางเจ้าบ่าวมาพูดกับพ่อแม่ตนว่าเงินสินสอดไม่พอ ตอนนี้รวบรวมได้แต่ 15,000 เท่านั้น เมื่อได้ยินดังนั้น ตนและญาติทุกคนรู้สึกชาไปหมด ได้ยินญาติคุยกันว่าเมื่อเงินสินสอดไม่พอ ก็ไม่ต้องมาแต่ง


นางสาวธารารัตน์ กล่าวอีกว่า เมื่อถึงฤกษ์มงคล เวลา 09.09 น.ที่จะเข้าพิธีแต่งงาน ตนซึ่งแต่งตัวเจ้าสาวพร้อมแล้วจึงเข้าพิธีสู่ขวัญบายศรี เหมือนเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี ซึ่งเป็นการแต่งงานโดยไม่มีเจ้าบ่าว ขณะที่ตนเองรู้สึกเสียใจจนร้องไห้ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตน แทนที่จะเป็นการสู่ขวัญบายศรีงานแต่งงาน กลับเป็นการสู่ขวัญปลอบใจที่งานแต่งไร้เงาเจ้าบ่าว อย่างไรก็ตามหลังเหตุการณ์เจ้าบ่าวเทงานแต่ง ทางเจ้าบ่าวไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย และต่อไปนี้ความสัมพันธ์ก็คงจะสิ้นสุดกัน ไม่มีวันหวนกลับมาคืนดีกันแน่นอน ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็ได้เดินทางไปแจ้งความสภ.นามน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น และบอกว่าให้ไปตกลงกันก่อน ซึ่งครอบครัวของตนเรียกร้องให้เจ้าบ่าวมาชดใช้ค่าจัดงานด้วย


อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนายปิยะราช อธิจร อายุ 35 ปี หรือแฮ๊ก เจ้าบ่าว ซึ่งปัจจุบันเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ  โดยนายปิยะราช ระบุว่าเหตุที่ตนไม่เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาวนั้น เนื่องจากก่อนเริ่มพิธีทางญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนแจ้งว่า ทางญาติฝ่ายเจ้าสาวเรียกค่าสินสอดเพิ่ม จากเติมที่เคยตกลงกันไว้ 149,999 บาท กับทองหนัก 2 บาท พอถึงวันแต่งงานกลับเรียกเพิ่มเป็น 200,000 บาท ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และหากมีไม่ครบก็ไม่ต้องแต่ง ซึ่งตนได้เตรียมสินสอดไว้149,999 บาทเท่านั้น ตนจึงไม่แห่ขันหมากไปงานแต่ง ทั้งนี้ที่บ้านของตนก็มีการจัดเตรียมงานและเสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่ได้ติดต่อกัน พร้อมกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งใจทำมาหากิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนก็เสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิด และคิดว่าคงไม่กลับไปคบกันเหมือนเดิมอีกแล้ว