ส้มท่าข่อยไม้ผลขึ้นชื่อตามคำขวัญของพิจิตรเมืองชาละวันที่ว่า “ส้มท่าข่อยรสเด็ด” แต่ในอดีตที่ผ่านมามีแค่ชื่อตามคำขวัญแต่ไม่ได้รับความนิยมรวมถึงไม่ได้คุณภาพทำให้ราคาตกต่ำขายไม่ออกมีราคาแค่ กก.ละ 5-7 บาท เท่านั้น  ล่าสุดสภาเกษตรพิจิตรปลุกชาวสวนรวมกลุ่มอนุรักษ์พัฒนาคุณภาพส้มโอท่าข่อยปรับปรุงรสชาติจนได้มาตรฐาน “ส้มท่าข่อยอร่อยทุกลูก”จนสามารถขายส่งออกไปยังประเทศจีนและประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบและ อาบูดาบี) ล้งผู้รับซื้อส้มโอเปิดราคารับซื้อ กก.ละ 20 บาท ทำชาวสวนปลื้ม แต่ยังขาดใบรับรองคุณภาพGAP

          

  วันที่ 25 มิถุนายน 2565 ความคืบหน้ากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอท่าข่อยของจังหวัดพิจิตรร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือไปยัง ส.ส.นราพัฒน์ แก้วทอง  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ จึงได้ลงพื้นที่ไปยังจุดรับซื้อส้มโอท่าข่อยซึ่งเป็นของ เรืออากาศตรี บุญเกิด มีทวี  ผู้จัดการบริษัท เอ็ม.ที.ฟรุท โปรดักส์ หมู่ 3 ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร โดยได้พบกับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอท่าข่อย 40 ราย โดยมี  นายศุภเดช แสนภูมินิเทศ หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร , นายสามารถ  เดชบุญ  เกษตรจังหวัดพิจิตร , นายพิชัย  เมืองมัจฉา พาณิชย์จังหวัดพิจิตร ร่วมให้การต้อนรับและเล่าถึงปัญหาของเกษตรกรกลุ่มนี้ว่าส้มโอท่าข่อยคือไม้ผลพื้นเมืองประจำถิ่นของจังหวัดพิจิตรที่มีจุดเด่นเหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศของจังหวัดพิจิตรต้นส้มโอออกลูกออกผลต่อ 1 ต้น เกือบ 100 ผล เมื่ออายุ 3-5 ปีขึ้นไป สามารถเก็บผลผลิตได้รสชาติของส้มโอหวานอมเปรี้ยวไม่มีเมล็ดที่สำคัญเมื่อเก็บผลส้มโอมาแล้วสามารถเก็บไว้ได้นานนับเดือนยิ่งเก็บไว้นานๆรสชาติยิ่งหวาน แต่ก่อนหน้านี้พื้นที่ปลูกส้มโอพิจิตรกลับถูกส้มโอสายพันธุ์อื่นๆ เช่น ส้มโอขาวแตงกวา ,  ส้มโอขาวน้ำผึ้ง , ส้มโอทองดี เข้ามาเบียดพื้นที่และตีตลาดได้ราคาดีกว่าทำให้หลายคนที่ปลูกส้มโอท่าข่อยโค่นต้นทิ้งและไปปลูกส้มโอสายพันธุ์อื่นๆจึงทำให้ส้มโอท่าข่อยเหลืออยู่ในพื้นที่เป็นส้มที่มีชาวสวนอนุรักษ์ไว้ด้วยความหวงแหนว่าเป็นส้มพื้นเมือง จากนั้นในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา สภาเกษตรกรจังหวัดพิจิตรจึงมาปลุกพลังเกษตรกรให้รวมกลุ่มและพัฒนาคุณภาพจนประสบความสำเร็จทำให้ล้งรับซื้อส้มโอ ประกาศรับซื้อในราคา กก.ละ 20 บาท แต่ต้องเป็นขนาดผล 1.2-1.7 กก. และเป็นส้มแก่ได้มาตรฐานเท่านั้น โดยส้มโอท่าข่อยเหล่านี้ได้เปิดตลาดส่งขายไปยังประเทศจีนและประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบและ อาบูดาบี) ซึ่งถือเป็นสินค้าเกษตรที่ได้ราคาสวนกระแสในยุคนี้

            ล่าสุด นายปุณณวิช  รอดอ่วม อายุ 46 ปี  ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอท่าข่อย  บนพื้นที่ 8 ไร่ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ต.วังสำโรง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร รวมถึงยังเป็นประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอท่าข่อยพิจิตรที่มีสมาชิกจำนวน 40 ราย มีพื้นที่การปลูกส้มโอท่าข่อยรวม 700 ไร่ ได้ร้องทุกข์ถึง ส.ส.นราพัฒน์ ในฐานะที่เป็นผู้แทนชาวพิจิตร ว่าขอให้ช่วยสนับสนุนผลักดันการทำมาตรฐาน GAP เพื่อที่จะได้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆให้กว้างไกลกว่านี้ ซึ่งจะเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับชาวสวนส้มโอท่าข่อย

​​​​​​​

            โดย ส.ส.นราพัฒน์ แก้วทอง  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ ได้เชิญเกษตรจังหวัดพิจิตร , พาณิชย์จังหวัดพิจิตร , ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร  เข้าร่วมรับฟังและชี้แจงหาแนวทางช่วยชาวสวนส้มโอท่าข่อย โดยตั้งเป้าว่านับจากต้นเดือน ก.ค. 65  จะเริ่มลงสำรวจแปลงเพื่อการทำให้ส้มโอท่าข่อยพิจิตรได้มาตรฐาน GAPต่อไป