ฉากการเมืองไทยยามนี้ ยิ่งกว่าซีรีย์เน็ตฟลิกซ์ ไม่ว่าจะเป็นฉากการยกทัพหลวงบุกขึ้นไปตีเมืองศรีสะเกษ ของแม่ทัพหญิง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร พร้อมขุนพลคู่ใจที่เพิ่งกลับมาสวามิภักดิ์นายใหญ่อย่าง “เต้น”ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

พร้อมกันกับการฉายหนังตัวอย่างของศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยเนื้อหาของญัตติขอเปิดอภิปรายที่สำนวนและเนื้อหานั้นเต็มไปด้วยข้อกล่าวหา ที่มีสำบัดสำนวนเชือดเฉือนดุเดือดเลือดพล่าน วางเป้าแบบเหวี่ยงแหถึง 10 รัฐมนตรี

แถมพีคในพีคเมื่อมี “มือดี” ผู้มีอิทธิพลนอกพรรคร่วมฝ้ายค้าน โทรศัพท์ไปหาแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านให้เติมชื่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สุชาติ  ชมกลิ่น จนนำไปสู่การปะ ฉะ ดะ ของรัฐมนตรีคนสุดท้าย ที่ออกมาเปิดเกมสู้ล้มญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าเป็นญัตติเถื่อน แถมชงป.ป.ช.ให้สอบพรรคฝ่ายค้าน

ทำให้ภาพรวมของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีความบกพร่องของการบริหารงาน หรือผลงานของรัฐมนตรี 

เมื่อสำรวจตรวจแนวรบทางการเมืองข้างต้น มีเรื่องราวหักเหลี่ยมเฉือนคม ราวกับซีรี่ย์ “รัก โลภ โกรธ แค้น!”

ฉากที่ 1 “รัก”

“พี่โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร ส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ลงสู่สนามการเมืองรอบนี้ เป็นเดิมพันสุดท้ายทายาททางการเมืองที่เขาไว้วางใจ ที่เตรียมทางหนีทีไล่หากต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับพ่อและอาเอาไว้ โดยเขาเคยระบุว่า

“ผมเป็นพ่อที่รักลูก ให้ความอบอุ่นกับลูก และพร้อมปกป้องลูก ไม่มีปัญหาครับ เครื่องบินส่วนตัวก็มี บ้านอยู่หลายประเทศ บินมาปุ๊บสบาย”

ขณะที่การ การมาของ “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่เขย่าให้เกิดปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ และการรวมกลุ่มเป็นคลื่นใต้น้ำ “พี่โทนี่” ก็เลือกที่จะสลายกลุ่มก๊วนกอล์ฟที่ส่งน้องเขยไปปั้นเอาไว้ด้วยตัวเอง เนื่องจากเกรงว่าจะกระด้างกระเดื่องกับบุตรสาว พร้อมกันกับ กระแสข่าวว่า นายใหญ่ เตรียม “ถ่ายเลือด” หาผู้สมัครหน้าใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อลดเงื่อนไขการต่อรองจากบรรดาบ้านใหญ่และส.ส.ผู้อาวุโส

ฉากที่ 2 “โลภ”

หลังศึกเลือกตั้ง ส.ก.กทม.และกระแส ชัชชาติ ฟีเวอร์ ทำให้วันนี้ “พี่โทนี”เปลี่ยนใจ หันมาผลักดัน “อุ๊งอิ๊ง”ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ก่อนหน้านี้จะมีความลังเลอยู่บ้าง  กระนั้นก็เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่า เขาจะต้องเดินหมากการเมืองเช่นนี้

แต่เขาก็รู้ดีว่า คู่แข่งทางการเมืองในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าคือ พรรคก้าวไกล ดังนั้นการ ส่ง “อุ๊งอิ๊ง”มาชิงตลาดคนรุ่นใหม่ อาจยังไม่ตอบโจทย์ หรือเพียงพอทำให้พรรคเพื่อไทยเข้าป้าย เจ้าพ่อการตลาดอย่าง “พี่โทนี”  จึงต้องดึงเอา “เต้น ณัฐวุฒิ” กลับมาดึงฐานเสียงของคนเสื้อแดง เพื่อเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” เพื่อให้พรรคเพื่อไทยฝ่ากับดักเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจ และกรุยทางให้เขากลับประเทศไทย

ฉากที่ 3 “โกรธ”

ตัวละครที่ถูกจับขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้    3 ราย สะท้อนแรง “โกรธ” ของใครบางคน

 หนึ่งคือ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)

หนึ่งคือ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง

หนึ่งคือ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

ทั้ง 3 คนล้วนเป็นรัฐมนตรี ที่เป็นปีกสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพรรคพลังประชารัฐทั้งสิ้น

และหากเจาะเรียงคน จะพบว่า “ชัยวุฒิ” คือผู้ปิดสวิตช์ไม่ต่อสัมปทานดาวเทียมไทยคม ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนเก่าของ “พี่โทนี่”

ส่วน “สันติ”นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ถูกคาดหมายว่าเป็น รัฐมนตรี “ส.” ที่ปูดแผนลับเลื่อยขาเก้าอี้นายกฯ ของแก๊ง 4 ช.ให้ “บิ๊กตู่” ล่วงรู้ “จนแผนล่มในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่แล้ว”

ขณะที่ “สุชาติ”นั้น ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เพิ่งจะโชว์ผลงานในการสยบพรรคจิ๋ว และกลุ่ม 16 ให้ยกมือหนุนรัฐบาลในศึกอภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณฯที่ผ่านมา

จึงไม่แปลกที่จะมี “ใครบางคน” โกรธทั้ง 3รัฐมนตรีนี้  โดยเฉพาะ  “สุชาติ” ที่ถูกผีจับยัดชื่อเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

ฉากที่ 4 “แค้น”

“มันจบแล้วครับนาย” คือวลี ที่ เนวิน ชิดชอบ เคยบอกกับ “พี่โทนี่”ในวันที่เคยยืนอยู่ข้างกัน  แต่มาวันนี้ ภูมิใจไทยใต้ปีกของ “เนวิน” กำลังเดินหน้าโชว์พลังไดโว่ดูด ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย นั่นทำให้ “พี่โทนี่” ต้องสางแค้น ยกทัพไปบุกตี “ศรีสะเกษ”  ถิ่นของพรรคภูมิใจไทย

ทั้งที่ในมุมมองผู้คร่ำหวอดทางการเมือง มองว่าเป็นการ “เอาคืน” ที่ไม่ชาญฉลาดนัก ด้วยหากจะคิดเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ ลำพังเสียงของก้าวไกลไม่น่าจะเพียงพอสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลและฝ่าด่านส.ว.ได้ อาจต้องพึ่งพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อเปิดหน้าชกเช่นนี้ ก็อาจจะประสานกันได้ยาก

สะท้อนให้เห็นว่า ยึดความ “ แค้น” เป็นสรณะ มากกว่ายุทธศาสตร์การเมืองระยะยาว

ทั้งหมดทั้งมวลจึงเป็นภาพรวมการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ที่ไม่อาจคาดเดาฉากจบได้ มีแต่ TO BE CONTINUED โปรดติดตามตอนต่อไป