ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล
 

ในวัย 80 ที่เพิ่งเต็มไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา เซอร์พอล แม็คคาร์ทนีย์ ยังคงผลิตผลงานต่อเนื่อง ล่าสุดกับหนังสือภาพสำหรับเด็กเล่มที่ 2 ชื่อ Grandude’s Green Submarine  ซึ่งเป็นเล่มต่อจาก Hey Grandude! ที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 2019 เป็นหมวกอีกใบในฐานะนักเขียน นอกเหนือไปจากการทำงานเพลงสม่ำเสมอ ทั้งสตูดิโออัลบั้ม, ทัวร์, การไปร่วมงานกับศิลปินรุ่นใหม่ๆต่างแนวทาง รวมไปถึงการขยับไปทำละครเพลงและวาดภาพด้วย
           

80 ปีของท่านเซอร์ พูดไม่ได้เต็มปากว่าแก่เกินทำงานใดๆ เพราะนอกจากงานเขียน-ที่เพิ่งทำไม่กี่ปี เซอร์พอล ยังสนุกกับการเล่นดนตรีที่ทำมาตลอดระยะเวลากว่าหกทศวรรษ นับตั้งแต่เข้าร่วมวงดนตรี เดอะ ควอร์รี่เมน กับ จอห์น เลนนอน เมื่อปี 1957 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น เดอะ บีเทิ่ลส์ ในอีกสามปีถัดมา ประสบความสำเร็จสูงสุดในอาชีพทั้งในฐานะวง และศิลปินเดี่ยว

ในเมื่อท่านเซอร์เจริญวัยเข้าสู่เลข 8 เรามาย้อนดูความสำเร็จที่ผ่านมาของชายคนนี้-ที่อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ

พอล แม็คคาร์ทนีย์ เกิดที่เมืองลิเวอร์พูล, ประเทศอังกฤษ พ่อเป็นนักดนตรี ส่วนแม่เป็นพยาบาล เปียโนคือเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เขาหัดเล่นด้วยตัวเอง จากนั้นก็หัดเล่นกีตาร์และแต่งเพลง โดยมี ลิทเทิ่ล ริชาร์ด กับ บัดดี ฮอลลี่ เป็นอิทธิพลสำคัญ

อายุ 15 เข้าร่วมวง เดอะ ควอร์รี่เมน ของ จอห์น เลนนอน ตระเวนเล่นดนตรีตามคลับย่านบ้านเกิด จากนั้นไปเสริมประสบการณ์ที่เมืองฮัมบวร์ก, เยอรมนี ราวสองปี มีซิงเกิ้ลชื่อ “My Bonnie” ออกมาในปี 1961 ปีถัดมาพวกเขากลับมาบ้านเกิด เรื่องราวหลังจากนั้นคือตำนาน... 

ความโด่งดังของสี่หนุ่ม จอห์น, พอล, จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก สตาร์ ก่อให้เกิดกระแส “บีเทิ่ลมาเนีย” ไปทั้งสหราชอาณาจักร ข้ามมหาสมุทรไปสหรัฐอเมริกา พวกเขาออกรายการ The Ed Sullivan Show ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์  1964 ที่นิวยอร์ค มีผู้ชมบันทึกเป็นสถิติไว้มากถึง 75 ล้านคน!

จากโลกดนตรี พวกเขาก็เริ่มลิ้มลองงานแสดงด้วยหนังเพลง/ตลกปี 1964 เรื่อง A Hard Day's Night ที่กวาดทั้งรายได้, รางวัล และเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ นอกจากเรื่องนี้ก็มี Help! (1965) และแอนิเมชั่น Yellow Submarine (1968) ไม่นับรวมภาพยนตร์สั้นที่ทำขึ้นเพื่อโปรโม9เพลง-ที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นต้นแบบของมิวสิค วิดีโอในยุคหลัง

เดอะ บีเทิ่ลส์ มีอายุวงเพียง 8 ปีเท่านั้น แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนั้น พวกเขามีเพลงอันดับ 1 บนชาร์ท บิลล์บอร์ด ทั้งหมด 20 เพลงซึ่งติดอันดับ 1 นาน 10 สัปดาห์ขึ้นไปทั้งหมด โดยมี “Hey Jude” ติดอยู่บนอันดับ 1 ยาวนานที่สุดถึง 19 สัปดาห์ ตามด้วย “Come Together” 16 สัปดาห์ ส่วน “I Want to Hold Your Hand” กับ “She Loves You” ติดอันดับ 1 นาน 15 สัปดาห์ทั้งคู่

Let It Be เป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของวง วางจำหน่ายเมื่อปี 1970 หลังจากนั้น พอล ก็มี McCartney ในฐานะศิลปินเดี่ยวในปีถัดมา ก่อนจะไปตั้งวงใหม่ชื่อ วิงส์ มีผลงานทั้งหมด 7 อัลบั้ม อาจจะไม่ประสบความสำเร็จมากเท่ากับวงเดิม แต่ก็ทำให้แฟนเพลงเห็นมุมแตกต่างและลายเซ็นชัดเจน พอล เป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวในปี 1980 กับงานดนตรีที่มีความเป็น “พอล แม็คคาร์ทนีย์” แจ่มชัด ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่หยุดนิ่งอยู่กับความสำเร็จเดิมๆ แต่ยังผสมสีสันใหม่ๆเข้าไปได้กลมกล่อมลงตัว รวมทั้งขยับขยายไปยังดนตรีคลาสสิคและอีดีเอ็ม ทั้งจากการทำงานร่วมกับศิลปินดังหลายคน อาทิ ไมเคิล แจ็คสัน (“The Girl is Mine” กับ “Say Say Say”), สตีวี วอนเดอร์ (“Ebony and Ivory”), ไบรอัน วิลสัน (“ A Friend Like You”), จอร์จ ไมเคิล (“Heal the Pain”), โทนี เบนเน็ทท์ (“The Very Thought of You”), คานเย เวสต์ (“Only One”) และ เวสต์ กับ ริฮานนา (“FourFiveSeconds”) ฯลฯ

เขาได้รับการจารึกชื่อเข้า หอเกียรติยศร็อค แอนด์ โรลล์ ฮอลล์ ออฟ เฟม ในฐานะสมาชิกวง เดอะ บีเทิ่ลส์ เมื่อปี 1994 สามปีต่อมา เขาก็กลายเป็น เซอร์พอล แม็คคาร์ทนีย์ อย่างเป็นทางการ 

เซอร์พอล มีอัลบั้ม McCartney III เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดล่าสุด ออกวางจำหน่ายในปี 2020, ร่วมงานกับผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน ผลิตสารคดีชุด The Beatles: Get Back เมื่อปีกลาย และเพิ่งออกทัวร์ครั้งใหม่เมื่อเดือนเมษายน 2022 ในชื่อ Got Back เริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกา และกลับมาเป็นวงเฮดไลน์ในเทศกาลดนตรี แกลสตันบิวรี่ วันที่ 25 มิถุนายน ศกนี้  

ในวัย 80 ปี เซอร์พอล แม็คคาร์ทนีย์ ยังคงแข็งแรง มีพลังในการสร้างสรรค์เต็มเปี่ยม และเชื่อว่าจะได้เห็นผลงานใหม่ๆของเขาอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นงานในรูปแบบใดก็ตาม

--------

ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/PaulMcCartney