ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ยังคงผันผวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยซึ่งต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ทั้งน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากแหล่งพลังงานในประเทศมีไม่เพียงพอ จึงได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคาพลังงานอย่างหนัก แม้จะมีการปรับแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของประเทศเพื่อลดต้นทุน แต่สามารถบรรเทาผลกระทบได้เพียงบางส่วนเท่านั้น จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชนประหยัดพลังงานช่วยชาติฝ่าวิกฤตพลังงาน
    
กระทรวงพลังงานจึงร่วมกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท คิด คิด จำกัด และ Nudge Thailand จัดเสวนาในหัวข้อ “การประหยัดพลังงานในสถานการณ์วิกฤต” เพื่อร่วมกันระดมความคิดการประหยัดพลังงานด้วยมาตรการต่าง ๆ
 


 
ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมเพียงคนละเล็กคนละน้อย เมื่อรวมกันทั้งประเทศก็จะสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างมาก และสามารถช่วยให้ประเทศสามารถก้าวข้ามวิกฤตพลังงานในครั้งนี้ได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัวอีกด้วย 

ทั่วโลกร่วมรณรงค์ประหยัดพลังงาน 

นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ ทำให้เกิดภาวะอัตราเงินเฟ้อ การประหยัดพลังงานจึงเป็นวาระที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยมีการคำนวณว่าหากลดการใช้พลังงานลงอย่างน้อยร้อยละ 4 จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง 5,000 ล้านตันในอีก 10 ปีข้างหน้า และจะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าหรือความจำเป็นในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่น้อยลง 

อย่างกรณีรัฐมนตรีพลังงานของประเทศออสเตรเลียขอให้ประชาชนดับไฟอย่างน้อยในเวลา 18.00-20.00 น. ของทุกวัน เนื่องจากสถานการณ์ด้านพลังงานอยู่ในขั้นวิกฤต ส่วนประเทศอินเดียมีการรณรงค์ให้การสร้างบ้านใหม่จะต้องใส่อุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานประหยัดพลังงาน รวมถึงบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code) โดยรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน หรือกรณีประเทศในทวีปยุโรปขอให้เปิดฮีทเตอร์จากปกติ 21 องศาเซลเซียส เป็น 19 องศาเซลเซียส เพื่อประหยัดพลังงาน รวมถึงรณรงค์การใช้รถสาธารณะ และ Work from Home ให้มากขึ้น 

สร้างความตระหนักรู้-ปรับพฤติกรรมการใช้พลังงาน

นางจงรักษ์ ฐินะกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อสังคมและพลังงานว่า ปัจจุบันทุกคนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น จึงต้องเร่งสร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานของประชาชนตั้งแต่ระดับบุคคลจนถึงภาคีเครือข่าย ซึ่งสามารถทำได้โดยวิธีง่าย ๆ เช่น การเลือกใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน การปิดไฟตอนพักเที่ยง ลดการใช้กระดาษ 

 


เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ช่วยประหยัดพลังงาน


ด้านนายสมศักดิ์ ปรางทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้าและกิจการเพื่อสังคม กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. ได้ดำเนินกลยุทธ์ประหยัดพลังงานไฟฟ้า 3 อ. คือ อุปกรณ์ อาคาร และอุปนิสัย มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน โดยเฉพาะการเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว ยิ่งดาวมากยิ่งประหยัดไฟมาก ซึ่งสามารถลดความต้องการพลังงานไฟฟ้าสะสมได้ถึง 34,174 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้ายังต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่และระยะเวลาการใช้งาน เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กในห้องขนาดใหญ่จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและกินไฟมากขึ้นด้วย

 

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมลดใช้พลังงาน

ส่วนผู้ประกอบการภาคเอกชน นายภานุวัฒน์ สัจจะวิริยะกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง Nudge Thailand ให้ทัศนะว่า ต้องสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบด้านพลังงานที่เกิดขึ้น และไม่ประเมินพฤติกรรมการใช้พลังงานของตัวเองต่ำจนเกินไป เช่น ถ้าช่วยกันลดการใช้ไฟฟ้าคนละ 2-3 ยูนิต เมื่อรวมกันสามารถช่วยประเทศประหยัดไฟฟ้าได้จำนวนมหาศาล 

เช่นเดียวกับนายพฤทธ์ ทาสีลา ผู้จัดการโครงการบริษัท คิด คิด จำกัด ที่มองว่า ต้องเร่งสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนว่าทุกครั้งที่ใช้พลังงาน เราไม่ได้แค่เสียเงินเพียงอย่างเดียว แต่เรากำลังเสียโอกาสบางอย่าง อาทิ ความสะดวกสบายหรือการใช้ชีวิตในอนาคต ควบคู่กับการสร้างการมีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงาน เช่น เชิญชวนให้ปิดเครื่องปรับอากาศวันละ 1 ชั่วโมง เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือแม้แต่ปิดไฟในช่วงพักกลางวัน  

  


    วิกฤตพลังงานและปัญหาเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญยังน่าเป็นห่วงและไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้นในเร็ววันนี้ การประหยัดพลังงานจึงเป็นหนทางที่พวกเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมช่วยชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้