วันที่ 22 มิ.ย.65 จากกรณีมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับนายแพทย์เรือนจำรายหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามต่อผู้ต้องขังในทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะทำการตรวจรักษาอาการป่วยตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงถึงผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65 เวลา 10.30 น. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุตามที่มีการกล่าวหา ผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าวซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้เข้าพบแพทย์ตามข้อแนะนำของพยาบาลประจำทัณฑสถาน เพื่อทำการรักษาและรับยาอย่างต่อเนื่องจากอาการแสบท้องเพราะการอดอาหาร โดยแพทย์ที่ตรวจรักษาในวันดังกล่าว คือ นายแพทย์ชาตรี จองศิริเลิศ ซึ่งเป็นแพทย์ห้วงเวลา โดยแพทย์ได้ดำเนินการซักประวัติและอาการ เพื่อประกอบการวินิจฉัยอาการป่วย และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพิ่มเติมเพื่อมิให้เกิดการเจ็บป่วย ซึ่งผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าวได้แจ้งความประสงค์ว่าไม่ขอรับยารักษาโรค และไม่ขอรับการรักษา รวมถึงไม่ขอรับคำแนะนำจากแพทย์แต่อย่างใด

จากการสอบถามนายแพทย์ชาตรีนั้น นายแพทย์แจ้งว่าในวันที่เกิดเหตุ ตนได้สอบถามผู้ต้องขังเพื่อทดสอบระดับสติปัญญา การรับรู้ และระดับความรู้สึก รวมถึงได้สอบถามสาเหตุของการอดอาหาร พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่าควรรับประทานอาหาร เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยและปวดแสบท้อง พร้อมพูดให้เห็นโทษของการอดอาหาร เพราะจะเกิดผลกระทบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ได้ให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่พยาบาลในการดูแลผู้ต้องขังที่อดอาหารด้วย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะข่มขู่ เสียดสีใดๆ เป็นเพียงการชี้ให้เห็นถึงผลเสียของการอดอาหารและยังได้พยายามชักจูงให้ผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าวเลิกอดอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกระทำได้ในฐานะแพทย์เท่านั้น และตลอดเวลาที่ดำเนินการตรวจรักษา ได้มีเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำสถานพยาบาลของทัณฑสถานอยู่ด้วยตลอดเวลาตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOPs)

สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่า นายแพทย์ชาตรี เคยมีกรณีร้องเรียนในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมาก่อน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครนั้น กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีเหตุการณ์ร้องเรียนในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด สำหรับนายแพทย์ชาตรี ที่ถูกกล่าวหานั้น เป็นแพทย์อายุรกรรมที่อุทิศเวลามาให้การรักษาดูแลผู้ต้องขังหญิงภายในทัณฑสถานหญิงกลางมาแล้ว 15 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือข้อร้องเรียนจากผู้ต้องขังหญิงที่ได้รับการรักษาจากนายแพทย์คนดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ขอให้สังคมเชื่อมั่นว่าทัณฑสถานหญิงกลางได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOPs) ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงทุกราย