วันที่ 20 มิ.ย.ที่ บก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT) กล่าวว่าตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บชน. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สอบสวน บก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.น.2 พ.ต.ท.ไพศาล เดชกัลยา สว.กก.สส.บก.น.2 , ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ รอง สว.กลุ่มงานการข่าวฯ บก.ขส. พร้อมกำลังจาก ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 บก.สส.ภ.2 , บก.สส.น.2 , บก.สส.บชน. แกะรอยสืบสวนล่าตัวขบวนการลักรถจักรยานยนต์รายนี้ โดยชุดสืบสวนระดมไล่กล้องวงจรปิดกว่า 100 ตัวเพื่อเชื่อมโยงหาตัวคนร้าย ตามโครงการกล้องวงจรปิด สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ( Smart Safety Zone 4.0 ) ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงสามารถสืบสวนจนทราบตัวคนร้าย คือนายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ หัวหน้าแก๊งตูมตาม โดย “แก๊งตูมตาม” ในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2553 เป็นกลุ่มคนร้ายที่ออกอาละวาทตระเวนลักรถจักรยานยนต์ ตามใบสั่ง(ออเดอร์)ที่ได้ โดยเฉพาะปี 2553 ดังกล่าวกลุ่มนี้ลักรถไปกว่า 100 คัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2553 แก๊งตูมตามได้ถูกจับกุมเนื่องจากก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ในลานจอดรถ ชัชวาลย์อพาร์ทเม้นท์ ซอยรามอินทรา 34 จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ได้รับบาดเจ็บ และบุตรชายเจ้าของเสียชีวิต จนหายไปจากวงการอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งสืบพบว่านายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวน ภาค2 รับแจ้งเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์สูญหายจำนวนมาก จึงได้จัดทีมสืบสวน ประกอบด้วยสืบสวนภาค 2 สืบสวนนครบาล สืบสวนบก.น.2 และทีมPCT ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ดำเนินการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลการรับแจ้งและพบว่าคนร้ายมีวิธีการกระทำความผิดที่ท้า34ทาย คือ “ไม่สนใจกล้องวงจรปิด” แม้รถจักรยานยนต์ที่จะขโมยจอดอยู่หน้ากล้องวงจรปิดก็จะก่อเหตุโดยไม่มีความเกรงกลัว และจะก่อเหตุลักษณะเดิมซ้ำๆ โดยตระเวนก่อเหตุทั่วกรุงเทพฯเกือบจะทุกวันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต อีกทั้งผู้เสียหายส่วนใหญ่ยังผ่อนชำระค่ารถจักรยานยนต์ไม่ครบ และต้องมาผ่อนทั้งๆรถจักรยานยนต์สูญหายไปไม่ได้นำมาใช้งานประกอบอาชีพ
จนกระทั่งต่อมาเมือวันที่ 19 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 04.30 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บชน. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT) พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 กับพวกได้นำกำลังบุกจับกุม นายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา ที่อยู่ 168 หมู่ที่ 5 ต.วังทอง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 1219/2565 ลง 18 มิถุนายน 2565
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”โดยจับกุมตัวได้ที่ ห้อง 2 VC อพาร์ทเมนท์ 85/27 ถ.เอกมัย 30 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ พร้ของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น คลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน 9กผ 9456 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายกอล์ฟฯยอมรับว่าพึ่งได้จากการก่อเหตุลักมาและกำลังไปซ่อน;รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ลีด 125 สีแดง คันหมายเลขทะเบียน 4ขบ 6240 กทม. ลักมาโดยจอดทิ้งไว้บริเวณทางขึ้น BTS สถานีพหลโยธิน 59 และ อาวุธปืนพกลูกโม่ ขนาด.38 สีเงิน หมายเลขประจำปืน J 171478 หมายเลขทะเบียน กท 39133756 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด บรรจุอยู่ภายในรังเพลิง; อุปกรณ์ช่างใช้ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ จำนวน 8 รายการ;คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง (พบการทำทะเบียนปลอมค้างบนหน้าจอ) การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมสามารถจับกุม นายเอกลักษณ์ฯ ได้แบบคาหนังคาเขา ขณะกำลังเข็นรถที่ขโมยมาไปซ่อนในห้องพัก และจากการตรวจค้นห้องพักพบว่า นายเอกลักษณ์ฯ จะทำทะเบียนปลอมโดยการใช้โปรแกรม PHOTOSHOP แล้วปริ้นด้วยกระดาษมันให้มีขนาดเท่ากับแผ่นป้ายทะเบียนจริง จากนั้นจะนำมาใส่ในกรอบ เพื่อนำมาสวมใส่กับรถที่ขโมยมา รวมไปถึงการปลอมเล่มทะเบียนด้วยเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และจากการขยายผลการจับกุม นายเอกลักษณ์ฯ จนต่อพยานหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนโดยให้การและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจพาชี้จุดที่เคยก่อเหตุมาทั้งหมด 34 จุด ทั่วกรุงเทพฯ ดังนี้1. บริเวณหอพัก ฟิฟตี้ไนน์ เพลส ช.พหลโยธิน 59 แขวง อนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางเขน);2. บริเวณหอพัก PS-Mansion 2 ซ.พหลโยธิน 36 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางเขน);3. บริเวณหอพัก M&M APARTMENT ซ.เสนานิคม 2 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางเขน)
4. บริเวณห้องพักรายเดือนเสริมศิริ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง);5. บริเวณหน้าร้านน้องส้ม คาราโอเกะ ถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง)
6. บริเวณเน็ตเฮ้าส์ อพาร์ทเม้นท์ ซอยงามวงศ์วาน 43 แยก 2-11 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง);7. บริเวณหน้าบริษัท ยูไนเต็ด กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.สุทธิสาร);8. บริเวณหน้าร้าน 5 Stars Ideal 16 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.สุทธิสาร);9. บริเวณ SS villa อพาร์ทเม้น ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.สุทธิสาร);10. บริเวณถนนในซอยรามคำแหง 79/2 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.หัวหมาก);11. บริเวณหน้าหอพัก 52 แมนชั่น ซ.รามคำแหง 52 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.หัวหมาก);12. บริเวณหน้าร้านครัวสมบูรณ์ ซ.รามคำแหง 60 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.หัวหมาก);13. บริเวณหอพักบ้านบุญธิดา ซ.รามคำแหง 170 แยก 6 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.มีนบุรี)
14. บริเวณอาคารมนัศยา 2 ซ.รามคำแหง 182 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.มีนบุรี)
15. บริเวณหอพัก ณหทัย เพลส ซ.ร่มเกล้า 6 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.มีนบุรี)
16. บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 360/186 ซ.ร่มเกล้า18 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.มีนบุรี)
17. บริเวณหน้าหอเสริมสุข ซ.ผาสุข แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.พหลโยธิน)
18. บริเวณปาริชาติ อพาร์ทเม้น ซอยเสือใหญ่อุทิศ แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.พหลโยธิน)!19. บริเวณบางกะปิ คอนโดทาวน์ ซ.ลาดพร้าว 121 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ลาดพร้าว)20. บริเวณแฟลตคลองจั่น อาคาร 17 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ลาดพร้าว)
21. บริเวณบ้านทองทิพย์ คอนโดเทล แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บึงกุ่ม)
22. บริเวณปากซอยร่วมน้ำใจ 4 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.โชคชัย);23. บริเวณปากซอยรามอินทรา 32/3 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.โคกคราม)24. บริเวณปากซอยคลังมนตรี แยก 7 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ประชาชื่น)
;25. บริเวณหอพักไม่ทราบเลขที่ ภายในซอยประดิพัทธ์ 12 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางซื่อ);26. บริเวณหน้าหอพัก NS อพาร์ตเมนท์ ซ.นาทอง 7 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ห้วยขวาง)
27. บริเวณหน้าห้องพักไม่ทราบเลขที่ ซ.โพธิ์ปั้น แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ห้วยขวาง);28. บริเวณด้านข้างอาคาร บริษัทจูลี่ เทรดดิ้ง ประเทศไทย จำกัด ปากซอย 54 ถ.พระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางโพงพาง);29. บริเวณหน้าห้องพักไม่ทราบเลขที่ ภายในซอย 52 ถ.พระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางโพงพาง)
30. บริเวณภายในตรอกข้างบ้านเลขที่ 8/7 ซอนจินดาถวิล ถนน พระราม 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางรัก);31. บริเวณภายในซอยพระยาดำรงค์ ถ.พระราม 4 แขวง มหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.บางรัก);32. บริเวณหน้าหอพัก เลขที่ 22/1 พัฒนาการ 64 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ (พื้นที่ สน.ประเวศ);33. บริเวณหน้าหอพัก บ้านต้องตา ซ.งามวงศ์วาน 25 แยก 17 ต.บางเขน อ.เมืงอนนทบุรี จ.นนทบุรี (พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี)
34. บริเวณหน้าหอพัก เอพี แมนชั่น ซ.ประชาชื่นนนทบุรี 7 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี (พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี)และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจยึดรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ลีด 125 สีแดง คันหมายเลขทะเบียน 4ขบ 6240 กทม. โดยจอดทิ้งไว้บริเวณทางขึ้น BTS สถานีพหลโยธิน 59 ซึ่งจอดทิ้งไว้ก่อนไปก่อเหตุและถูกตำรวจจับกุม และเมื่อตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่ามีการใช้ทะเบียนปลอมแบบกระดาษใส่กรอบไว้ สอดคล้องกับพยานหลักฐานการปลอมที่ค้นพบในคอมพิวเตอร์ภายในห้องพักของ นายเอกลักษณ์ฯ โดยหลังจากนี้จะมีการติดต่อประสานงานไปยังสถานีตำรวจทั่วกรุงเทพฯ เพื่อติดต่อไปยังผู้เสียหายที่เคยถูก นายเอกลักษณ์ฯ ขโมยรถจักรยานยนต์ ตามจุดสถานที่นายเอกลักษณ์ฯ เคยไปก่อเหตุทั้งหมดต่อไป โดยามารถติดตามผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่น คลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน 9กผ 9456 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถที่ นายเอกลักษณ์ฯ ก่อเหตุขโมยในคืนวันที่ถูกจับกุมและถูกเจ้าหน้าที่จับได้ขณะจะนำรถไปซ่อน โดยผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นรถของตนเองจริงและพึ่งจะถูกขโมยไป โดยผู้เสียหายได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก่อนจะเดินทางกลับ
จากการสอบสวนนายเอกลักษณ์ ให้การรับ สารภาพว่า “ตนติดคุกมาเป็นเวลา 11 ปี ตั้งพ้นโทษออกมาไม่มีงานทำ เพราะเวลาไปสมัครงานจะต้องตรวจสอบประวัติ แล้วไม่มีใครรับทำงาน ทำให้ไม่มีรายได้ จึงกลับมาก่อเหตุโดยเริ่มก่อเหตุตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. 65 จนถึงปัจจุบัน โดยจะขายไปในราคาคันละ ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อคัน และทำเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจนมีความชำนาญ และอ้างว่ากระทำความผิดคนเดียว ไม่ยอมซักทอดคนอื่น”
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า “คดีนี้เป็นการร่วมมือตำรวจหลายหน่วย ได้แก่ สืบสวนภาค 2 สืบสวนนครบาล สืบสวนบก.น.2 และทีมตำรวจ PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 และจากการไล่กล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายก่อเหตุลักษณะอุกอาจมากโดยมีการพกพาอาวุธปืนเพื่อใช้ในการกระทำผิดซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง และเราไม่เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุเพียงคนเดียวที่ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ได้สั่งการให้รีบดำเนินการขยายผลจับกุมทั้งขบวนการโดยเร็ว ผมเห็นว่าคนที่ทำผิดแล้วไม่สำนึก ทำความผิดจนเป็นสันดาน ผมไม่ยอมให้คนเหล่านี้ออกมาเพ่นพ่านปะปนอยู่ในสังคม”