ภาษีลาภลอยคือ ภาษีที่เกิดจากรายได้ของที่ดินที่มีโครงการของรัฐ ตัดผ่านหรือภาครัฐกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น การสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือรถไฟฟ้ารางคู่ โครงการสร้างสนามบิน หรือโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆของภาครัฐ นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ที่ดินบริเวณนั้นเกิดมูลค่าที่พุ่งสูงขึ้น หรือเรียกง่ายๆว่า อย่างกับได้ลาภลอย ดังนั้นภาครัฐจึงเห็นว่า ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา เจ้าของที่ดินหรือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีชนิดนี้ นั้นคือ ภาษีลาภลอย

วันนี้กระทรวงการคลังจะปัดฝุ่น กฎหมายภาษีลาภลอยใหม่ อันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบภาษีของประเทศ วัตถุประสงค์ของร่างกฎหมายนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษีและสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาจากผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนสาธารณูปโภคของรัฐ ส่งผลให้ราคาที่ดินในบริเวณรัศมีโครงการสาธารณูปโภคปรับราคาสูงขึ้น

แนวคิดของร่างกฎหมายดังกล่าว ถือว่าเป็นกฎหมายที่มองไปในอนาคตว่า เมื่อเมืองมีการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นระบบรถไฟฟ้า ทางด่วน เป็นต้น ทำให้ราคาที่ดินในบริเวณใกล้เคียงโครงการของรัฐ ปรับราคาขึ้น ก็ควรแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งมาให้กับรัฐ กฎหมายภาษีลาภลอยได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2561 แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการสานต่อหรือใช้จริง การจะนำมาใช้อีกครั้ง จะต้องพิจารณาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สำหรับ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ หรือ ภาษีลาภลอยนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อปี 2561 ได้อนุมัติร่างกฎหมายไปแล้ว กำหนดเพดานภาษีไว้ไม่เกิน 5 %ของมูลค่าที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้น ตามแนวรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง สนามบิน ท่าเรือ หรือโครงการสาธารณูปโภคตามที่กฎหมายกำหนด ผู้มีหน้าที่เสียภาษีนี้ จะเป็นทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล มีที่ดินตั้งอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กม.จากตัวสถานีขึ้นลง ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง ทางด่วนพิเศษ และโครงการอื่นๆจะกำหนดในกฎกระทรวง และจะเก็บเฉพาะในส่วนราคาที่ดินปรับสูงขึ้น เนื่องจากผลของโครงการสาธารณูปโภค โดยหักตัวมูลค่าอาคารออกไป การจัดเก็บภาษี จะแบ่งเป็นสองช่วง

ช่วงแรกคือช่วงตั้งแต่วันลงนามในสัญญาก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคนั้นๆ จนถึงวันตรวจรับมอบโครงการ หรือเรียกว่าเป็นช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค การซื้อขายที่ดินในช่วงนี้ จะถูกจัดเก็บภาษีลาภลอย ในทุกครั้งที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ โดยเก็บภาษีเฉพาะมูลค่าที่ดินปรับเพิ่มขึ้น ใช้ฐานราคาประเมินของกรมธนารักษ์ ณ วันที่ได้รับที่ดินแปลงนั้นมา กับราคาประเมินที่ดินในช่วงระหว่างก่อสร้างโครงการนั้น (ช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค)

ช่วงที่สองคือ ช่วงที่ก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคนั้นแล้วเสร็จ จะเก็บภาษีเพียงครั้งเดียว ไม่ได้เก็บทุกครั้งที่เปลี่ยนมือ โดยเก็บภาษีจากมูลค่าที่ปรับเพิ่มขึ้น เฉพาะที่ดิน หรือห้องชุดเฉพาะส่วนที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น มูลค่าที่ดินที่ต่ำกว่านี้จะไม่มีภาระภาษี และยกเว้นที่ดินที่อยู่อาศัยและที่ดินเกษตรกรรม

สำหรับพื้นที่จัดเก็บภาษีนั้น กำหนดขอบเขตไว้ในรัศมีรอบพื้นที่โครงการ เช่น ทางขึ้นลงทางด่วน หรือตัวสถานีรถไฟฟ้า ไม่เกิน 5 กิโลเมตร รัศมีที่ชัดเจนในแต่ละโครงการจะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการพิจารณากำหนดพื้นที่จัดเก็บภาษี ที่มีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน