สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ “เดอะ แลนเซ็ต” โดยระบุว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะ “ลองโควิด (Long covid)” น้อยกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อซึ่งได้รับการรักษาจนหายแล้ว
พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลองโควิดน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ในอัตราร้อยละ 20 – 50 จากการศึกษาติดตามในผู้ป่วยที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างช่วงเดือน มิ.ย. 2021 – พ.ย. 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาด เปรียบเทียบกับช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ระหว่างเดือน ธ.ค.2021 – มี.ค.2022
อย่างไรก็ตาม คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ก็ยังมีคำเตือนถึงผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลองโควิดอยู่