เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ได้ลงพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง หรือ "แยกดินแดง" เพื่อทำกิจกรรมและเดินทางไปยังบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะต้องการกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง

 โดย พ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยว่า พื้นที่ดินแดงจะรุนแรงเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ต้องไปถามผู้ก่อเหตุช่วงนี้มีอะไรทำไมต้องกลับมาก่อเหตุช่วงนี้ มีอะไรแอบแฝงหรือใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตำรวจพยายามหาการข่าวรักษาความเรียบร้อยเต็มความสามารถตามกรอบของกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายไม่มีเจตนาให้กระทบต่อประชาชน ถ้ามีการใช้กระสุนยางแก๊สน้ำตาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ฝากไปถึงผู้มาก่อเหตุให้เห็นใจชาวบ้าน ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ประชาชนสามารถทำมาหากิน รอมากว่า 2 ปี อยากให้บรรยากาศมันดีขึ้น

"การออกมาก่อเหตุเจ้าหน้าตำรวจได้ตรวจสอบพิสูจน์ตัวบุคคลหรือท่อน้ำเลี้ยง ซึ่งจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเมื่อถึงเวลา ทั้งการออกหมายเรียก หมายจับ ส่วนท่อน้ำเลี้ยงอยู่ในการข่าวตำรวจทำอยู่แต่เปิดเผยไม่ได้ใครเป็นท่อน้ำเลี้ยงบ้าง เพราะที่ผ่านมามีผู้สนับสนุนผู้ที่เป็นตัวการ เป็นเรื่องปกติมีคนหนุนหลังที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนว่าเข้าข่ายหรือไม่อย่างไร การดำเนินคดีกับใครต้องดูที่พยานหลักฐานเป็นหลัก และการออกมาของเจ้าหน้าที่เป็นการแสดงกำลังให้ประชาชนทั่วไปให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจคุ้มครองชีวิตทรัพย์สินประชาชน ในทางกลับกันเป็นการป้องปรามไม่ให้ผู้ที่คิดจะออกมาก่อเหตุ หรือถ้าอยากออกมาก็ต้องคิดใหม่" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว

รองโฆษกตร. ยังกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.63 มีการชุมนุมเกือบ 4,000 ครั้งทั่วประเทศ ดำเนินคดีไปแล้วกว่า 1,300 คดี เฉพาะกรุงเทพฯ 850 คดี พื้นที่ สน.ดินแดง 255 คดี สะท้อนให้เห็นว่าการชุมนมไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง เป็นการก่อเหตุความไม่สงบเรียบร้อย มีผลกระทบต่อประชาชน ฝากว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยมีหนทางหรือวิถีทางการเรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาล ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้เกิดความสงบสุขต่อบ้านเมือง เอาประชาชนเป็นหลัก ถ้าออกมามั่นใจไม่กระทบสิทธิ์ผู้อื่นหรือไม่ผิดกฎหมายถ้าเชื่อแบบนั้นก็ทำ แต่ถ้าการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย ตำรวจก็มีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความผาสุก