นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา กล่าวว่า  หลังวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศหยุดชะงักลง รวมถึงการเดินทางภายในประเทศเองด้วยการล็อคดาวน์ที่มีความเข้มงวดมากน้อยขึ้นกับมาตรการของแต่ละประเทศในการบริหารจัดการ ซึ่งการจัดงาน TTM + 2022 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีการเจรจาธุรกิจระหว่าง ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ซื้อ (Buyer) จากทุก ภูมิภาคตลาดจำนวน 222 ราย (ยกเว้นตลาดจีน) จัดการเจรจาแบบออนไลน์ 55 ราย รวมผู้ซื้อ 276 รายที่ผ่านการคัดเลือกแล้วว่าเป็นผู้ซื้อที่มีคุณภาพและคู่เจรจาที่เป็นผู้ขายฝั่งไทย (Seller) จำนวน 264 รายที่ทำนัดหมายทางธุรกิจตลอดระยะเวลาการ จัดงาน ตั้งแต่วันที่ 8-10 มิถุนายน 2565 ถือเป็นครั้งแรกของการฟื้นคืนบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวรองรับกับสถานการณ์ในหลายประเทศได้มีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง และเริ่มเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยว

โดยที่ผ่านมาประเทศไทยได้พยายามขับเคลื่อนการเดินหน้ารักษาสมดุลทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขโดยตลอด ดังนั้นเมื่อประเทศไทยได้ประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบเพื่อรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565  เป็นต้นมา จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการจะได้เชื่อมต่อเจรจาทางธุรกิจ ได้ใช้ช่องทางจากการจัดงานส่งเสริมการขายในครั้งนี้

อีกทั้งด้วยนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลที่พยายามมุ่งผลักดันเรื่องการเติบโตที่ยั่งยืน ให้ความสำคัญของธุรกิจ Bio -Circular-Green Economy (BCG Model) จึงทำให้พลังความร่วมมือของผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่ภูเก็ต ที่เข้ามาเป็น Official Hotel ในช่วงการจัดงาน การแสดงออกถึงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนการตลาดให้กับกลุ่มผู้ให้บริการในท้องถิ่นที่เป็นธุรกิจรายย่อย (SMEs) เป็นการกระจายโอกาสให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายใหม่มีความพร้อมในการทำธุรกิจระดับสากล สามารถเติบโตได้ในทิศทางที่ยั่งยืน

ขณะเดียวกันเป็นโอกาสในการสื่อสารสร้างการรับรู้Visit Thailand Year, Amazing New Chapters ที่ผู้ประกอบการต่างประเทศจะได้รับทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และได้ประสบการณ์ตรงจากการสัมผัสพื้นที่จริง เข้าใจถึงรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบที่หลายประเทศใช้เป็นจุดขายเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใด ไม่เพียงแค่การแข่งขันทางธุรกิจ ความสำเร็จของงาน Thailand Travel Mart Plus 2022 แต่ยังเป็นการรวมตัวของพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกด้วย

 ด้าน นายยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า งาน Thailand Travel Mart Plus 2022 (TTM+ 2022) งานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นการกลับมาจัดงาน TTM+ อีกครั้งในรอบ 2 ปี สอดรับกับการส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565-2566 และนโยบายเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนตามแผนพัฒนา BCG Model

โดยภายในงานมีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยเข้าร่วมงานในฐานะ Seller จำนวน 264 ราย ประกอบด้วยประเภทธุรกิจโรงแรมที่พัก 229 ราย บริษัทท่องเที่ยว 13 ราย สถานบันเทิง 4 ราย โรงพยาบาลและสถานประกอบการเชิงสุขภาพ 3 ราย กลุ่ม Business Travel / MICE 1 ราย และประเภทอื่นๆ อาทิ แหล่งท่องเที่ยว สวนสนุก โรงเรียนสอนทำอาหารและร้านอาหาร กอล์ฟคลับ 14 ราย โดยมีอัตราผู้ประกอบการรายใหม่เข้าร่วมร้อยละ 39 ขณะที่ผู้ประกอบการเข้าร่วมงานในฐานะ Buyer ทั้งสิ้น 276 ราย จาก 45 ประเทศทั่วโลก และมีอัตราผู้ประกอบการรายใหม่เข้าร่วมร้อยละ 45.7 ไม่เพียงเท่านั้น งาน TTM+ 2022  ยังได้จัดในรูปแบบ Hybrid เพิ่มรูปแบบออนไลน์สำหรับประเทศที่ไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งคาดว่าการจัดงานครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 1,290,000,000 ล้านบาท

สำหรับ ปี 2565 ททท. คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวไทยจะสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 7-10 ล้านคน-ครั้ง และนักท่องเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม ประมาณ 1.23 ล้านคน และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ได้ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 500,000 คนต่อเดือน จากปัจจัยสนับสนุนของการยกเลิก Test and Go ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ส่งต่อถึงฤดูการท่องเที่ยวไฮซีซั่น ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1 ล้านคนต่อเดือน

ขณะที่ ปี 2566 ททท. คาดการณ์ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะสูงขึ้นถึง 2.4 ล้านล้านบาท ก่อนที่จะบรรลุยอดรวมรายได้จากการท่องเที่ยว ที่ 3 ล้านล้านบาท ภายในปี 2567 คิดเป็นร้อยละ 80 ของรายได้ปี 2562  ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19