วันที่ 7 มิ.ย.65 ที่สำนักการระบายน้ำกทม. เวลา 10.00น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกทม. สำนักการระบายน้ำ ร่วมหารือกับนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ถึงแนวทางการดำเนินงานล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำให้กับ กทม. โดยนำผู้ต้องขังออกมาช่วยงานลอกท่อ ทำความสะอาด เปิดเส้นทางระบายน้ำจากท่อลงสู่คลอง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับการหารือในวันนี้ ได้ข้อสรุปคือ กทม.จะเริ่มจ้างกรมราชทัณฑ์ ในการลอกท่อระบายน้ำโดยนักโทษชั้นเยี่ยมเป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยการจ้างแรงงานนักโทษดังกล่าว ผ่านกระบวนการระหว่างรัฐ ตามกฏกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมหรือสนับสนุน ปี 2563 โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการ e-bidding ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่กทม.ไม่สามารถจ้างกรมราชทัฑณ์ได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม ในการให้นักโทษลอกท่อ จะต้องคำนึงถึงหลักสิทธมนุษยชน ความสมัครใจของนักโทษ รวมถึงค่าแรง อุปกรณ์ในการป้องกัน และสวัสดิการที่ต่างๆด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคต กทม.จะจ้างกรมราชทัณฑ์ ในการลอกท่อ100%หรือไม่ หรือจะจ้างร่วมกับเอกชน ในเรื่องนี้นายชัชชาติ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามลำดับความเหมาะสม รวมถึงคุณภาพการทำงาน ก่อนหน้านี้มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า เอกชนลอกท่อไม่สะอาด แต่นักโทษจากกรมราชทัณฑ์สามารถลอกท่อได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งมีการตรวจประเมินคุณภาพ ประสิทธภาพการลอกท่อโดยใช้เครื่องมือวัดตะกอนหรือปริมาณดินที่เหลืออยู่ในท่อตามเกณฑ์ที่กำหนด

ทั้งนี้ พื้นที่กรุงเทพฯมีท่อระบายน้ำความยาวรวมทั้งหมด กว่า 6,500 กิโลเมตร ในส่วนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ สนน. กว่า 2,000 กิโลเมตร และอยู่ในความดูแลของสำนักงานเขตอีกกว่า 4,500กิโลเมตร ซึ่งงบประมาณปี65 ตั้งไว้ 15,000,000 บาท จะสามารถดำเนินการได้เพียง 500 กิโลเมตร ภายในเวลา4 เดือน เบื้องต้น ผู้ว่าฯกทม.ตั้งเป้าดำเนินการให้ได้ก่อน 100 กิโลเมตรทันที โดยได้สั่งการให้สำนักงานเขตสำรวจพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อเริ่มดำเนินการในจุดนั้นก่อน

ด้าน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า การนำนักโทษชั้นเยี่ยมออกมาปฏิบัติงานบริการสาธารณะถือเป็นนโนบายที่กรมราชทัณฑ์ดำเนินการมาโดยตลอด และให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน โดยนักโทษที่มาทำงานส่วนนี้จะมาตามความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะมีอาหาร เครื่องดื่ม เป็นสวัสดิการไว้รองรับ รวมถึงสวัสดิการในการดูแลหากได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน และกำไรที่ได้จากการจ้างงาน 70เปอร์เซ็นต์ จะให้กับนักโทษ เพื่อเก็บไว้เป็นทุนภายหลังพ้นโทษกลับคืนสู่สังคม ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมนักโทษชั้นเยี่ยมสำหรับออกมาขุดลอกท่อ จำนวน 1,000 คน จาก10เรือนจำ โดยทุกคนต้องได้รับวัคซีนโควิด19ครบโดส และก่อนเข้าออกเรือนจำ ต้องตรวจATK ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ห้ามพบปะญาติที่มาเยี่ยม หรือออกไปเดินในตลาดพื้นที่สาธารณะ นอกพื้นที่งาน