วันที่ 6 มิ.ย.65 ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม.(ดินแดง) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครนัดแรกของคณะผู้บริหารชุดผู้ว่าฯ ชัชชาติ โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครทั้งฝ่ายประจำ และฝ่ายการเมือง และผู้บริหารหน่วยงานสำนักต่างๆ ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 35 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม.(ดินแดง) ในการประชุมนัดแรกนี้ มีเรื่องของการเดินหน้าทำงานหลายด้าน

โดย นายชัชชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า  ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องงบประมาณ และยุทธศาสตร์ตามแผนนโยบาย 214 ข้อ โดยได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้จัดทำงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2566ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) พิจาณาให้ความเห็นชอบ ส่วนนโยบาย 214 ข้อ ส่วนใหญ่ มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ที่กำหนดอยู่ในยุทธศาสตร์แต่ละด้าน ซึ่งมีหลายเรื่องทำได้แบ้วโดยไม่ใช้งบประมาณ ดังนั้นจึงจะปรับแนวทางการทำงานให้ชัดเจนขึ้น สำหรับเรื่องที่เป็นโครงการใหญ่ก็รองบประมาณปี 2566 

   

           นอกจากนี้ยังได้หาร่อเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสีย พบว่ามีหลายชุมชน ปล่อยน้ำเสียลงคลอง ดังนั้นจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงไปสำรวจ เพื่อจัดทำแผนบำบัดน้ำเสียในชุมชน ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องรอโครงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย ให้แล้วเสร็จ ถึง 11 ปี และใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีการดำเนินการแล้วที่คลองลาดพร้าว ดังนั้นจึงให้ไปทำแผนให้ชัดเจนที่คลองเปรมประชากรและคลองแสนแสบด้วยว่าจะทำกี่ชุมชนและกี่จุด เพื่อสรุปรายงานอีกครั้ง

    ​​​​​​​         

 นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า มีเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานไปสำรวจจุดอ่อนและช่องโหว่ ของการทุจริตคอรัปชั่น พร้อมเสนอแนวทางวิธีการป้องกัน ก่อนรวบรวมเพื่อจัดทำเป็นแผนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ภายใน 1 สัปดาห์ ตามนโยบายงบประมาณฐานศูนย์ Zero-Based Budgeting โดยได้เชิญอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาร่วมประชุมด้วย ขณะเดียวกันจะทบทวนโครงการขนาดใหญ่ ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก หรือบางโครงการที่เร่งรัดในการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่ผลงานที่ทำได้นั้น กลับไม่มีความคืบหน้า เช่น การปรับปรุงสวนลุมพินี ปรับปรุงภูมิทัศน์สวนคลองช่องนนทนี ว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งโครงการดังกล่าว แบ่งการก่อสร้างออกเป็นหลายเฟส ดังนั้นเฟสใดที่ดำเนินการไปแล้ว ก็จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จ ส่วนเฟสที่เหลือ จะต้องไปทบทวนความคุ้มค่าและความเหมาะสมกับการใช้งบประมาณอีกครั้ง