เมื่อทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT หรือ กองทรัสต์) ได้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 โดยระบุรายได้รวมกว่า 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการลงทุนสุทธิและการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 98.79 ล้านบาท และ 90.53 ล้านบาท ตามลำดับ ในเรื่องนี้ นายสานต่อ มุทธสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานได้อย่างน่าสนใจ ไทยน่าจะฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ โดย นายสานต่อ มุทธสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT หรือ กองทรัสต์) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายเป็นลำดับ ขณะเดียวกัน เชื่อว่า ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ในปี 2565 จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง จากผลการดำเนินงานที่ดีของโครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย 1. คาดว่า จะไม่มีการปิดรับนักท่องเที่ยวจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เหมือนในปีที่ผ่านมา 2. หลายๆ ประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง รวมถึงการฉีดวัคซีนที่แพร่หลายมากขึ้น ส่งผลให้โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวมาเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และ 3. รายได้ที่ได้รับจากโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้กองทรัสต์รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 ทางโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ มีอัตราการเข้าพักโดยฉลี่ย สูงถึง 88% ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าว คาดว่า โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ จะมีการเติบโตของ EBITDA สำหรับปี 2565 กว่า 15% โดยจะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป น่าจะมีต่างชาติเพิ่มหลังเปิดประเทศ พร้อมกันนี้ นายสานต่อ ยังกล่าวต่อว่าผลประกอบการในประเทศไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวภายหลังการกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการยกเลิกตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR การยกเลิกระบบ Thailand pass การประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น รวมถึงรับอานิสงส์จากเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่า จะทำให้เริ่มเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการบริการท่องเที่ยวและโรงแรม ดำเนินกิจการครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ ธุรกิจหลักของกลุ่มได้แก่ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและวิลล่าหรู ภายใต้ 6 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิตปริ๊นเซส, อาศัย และอีลิธฮาเวนส์ ในจุดหมายปลายทางชั้นนำกว่า 300 แห่งใน 16 ประเทศทั่วโลก และธุรกิจการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสอนประกอบการทำอาหาร วิทยาลัยการโรงแรมทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้บริการอื่นๆ เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเริ่มกระจายการลงทุนไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ที่ประกอบด้วย 3 ด้านได้แก่ การสร้างความสมดุล การเติบโต และการกระจายความเสี่ยง