"นายกฯ"ผวาฝีดาษลิง! เตือนอย่านำเข้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย พร้อมสั่งเฝ้าระวังแนวชายแดนสกัดโรค "กรมควบคุมโรค"เริ่มตั้งจุดคัดกรองฝีดาษลิงนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศทุกคน ผ่าน Thailand Pass ล่าสุดระบาดเพิ่มเป็น 18 ประเทศ ขณะที่"โควิด"ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5,013 ราย ตายลดลง 33 ราย เมื่อวันที่ 25 พ.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตือนประชาชนไม่นำเข้าสัตว์ป่าแบบผิดกฎหมาย พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและกวดขันตามแนวชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ ห้ามมีการเคลื่อนย้ายสัตว์ข้ามแดนที่อาจจะนำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง รวมทั้งระมัดระวังในการติดตามข่าวสาร อย่าหลงเชื่อข่าวปลอมหากฉีดวัคซีน AstraZeneca เสี่ยงเป็นโรคฝีดาษลิงไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีดาษลิง เนื่องจากโรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟัน ซึ่งคนก็สามารถติดโรคได้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดข่วน กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หรืออาจติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วย การแพร่เชื้อจากคนสู่คนแม้มีโอกาสน้อย ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรค โดยกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เริ่มให้บริการคัดกรองโรคฝีดาษลิงสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ผ่านระบบ Thailand Pass ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะช่วยให้ตรวจจับกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ หลังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ และสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ทั้งนี้ การเฝ้าระวังโรคภายในประเทศคือ เน้นการติดตามเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ประเทศในแถบทวีปแอฟริกากลาง เช่น ไนจีเรีย และคองโก และประเทศในยุโรปที่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศแล้ว ซึ่งเมื่ออยู่ที่สนามบินในประเทศต้นทางอาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่อมาถึงประเทศไทย อาจมีอาการได้ ซึ่งการคัดกรองจะดูว่ามีไข้ตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส หรือประวัติมีไข้ร่วมกับมีอาการหนึ่งอาการ ได้แก่ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และต่อมน้ำเหลืองโต ประกอบกับมีผื่นกระจายตามลำตัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด และเดินทางมาจากหรืออาศัยอยู่ใน ประเทศที่มีการรายงานการระบาดของโรคฝีดาษลิงในประเทศภายใน 21 วัน พร้อมทั้งแจกบัตรเตือนสุขภาพ (Health beware card) เป็น QR code ให้ผู้ที่มีอาการดังกล่าวสแกนเข้าระบบเพื่อรายงานอาการป่วย ซึ่งหลักๆ ในบัตรจะระบุว่าหากมีอาการ เช่น ไข้ มีตุ่มให้รายงานเข้าระบบและรีบไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด รวมถึงแจ้งประวัติการเดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย สำหรับ การป้องกันโรคฝีดาษลิง ให้ปฏิบัติ ดังนี้ โรค 1.กรณีมีการเดินทางกลับจากประเทศที่เป็นเขตติดโรค ต้องทำการคัดกรองและเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบไปพบแพทย์ทันที 2. ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยงหรือนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศโดยไม่มีการคัดกรอง และทำการแยกกักเพื่อมิให้ผู้ป่วยมีการแพร่กระจายเชื้อ 3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อหรือสัตว์ป่า 4. หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ 5.หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือ เจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสัตว์หรือคนที่ติดเชื้อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า พบการแพร่ระบาดของฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นในอีก 3 ประเทศ ประกอบด้วยสาธารณรัฐเช็ก สโลวีเนีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ทำให้ขณะนี้การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงกระจายไป 18 ประเทศทั่วโลกแล้ว ขณะที่ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 5,013 ราย จำแนกเป็นติดเชื้อในประเทศ 5,013 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 0 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 2,201,315 ราย หายป่วยกลับบ้าน 5,591 ราย ทำให้ยอดหายป่วยสะสม ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 2,179,144 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 47,268 ราย และเสียชีวิต 33 ราย รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน จำนวน 29,844 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,028 รายเฉลี่ยจังหวัดละ 13 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 13.8