จากนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ประกาศให้ปี 2564-2565 เป็นปีส่งเสริมท่องเที่ยวไทย โดยคาดว่าไตรมาส 2-3 นี้ รัฐบาลจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีคุณภาพจากทั่วโลกเข้าประเทศไทยไม่น้อยกว่าเดือนละ 3 แสนคน ขณะที่ไตรมาส 4 จะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ล้านคน ซึ่งตลอดทั้งปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน และส่งเสริมให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศ ไม่น้อยกว่า 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 656,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามรัฐบาลมั่นใจว่านโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว โดยการขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ โดยเฉพาะการผ่อนคลายเรื่องมาตรการต่าง ๆ ส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย คาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีรายได้ในปี 65 ไม่น้อยกว่า 1.3-1.8 ล้านล้านบาท
โดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้กล่าวถึงแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2565 ว่า ได้แบ่งตลาดนักท่องเที่ยวเป็น 2 กลุ่ม คือ ตลาดระยะไกล ได้แก่ ยุโรป และอเมริกา คาดว่าช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ามากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ส่วนตลาดระยะสั้น ได้แก่ อินเดีย และประเทศที่มีพรมแดนติดไทย สามารถเดินทางเข้า-ออกไทยได้สะดวกขึ้น รวมถึงประเทศแถบตะวันออกกลาง เป็นอีกกลุ่มที่ไทยเล็งเห็นศักยภาพในการใช้จ่ายและพยายามดึงเข้ามาทดแทน อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีน จะกลับมาคึกคักช่วงปลายปี และต่อเนื่องถึงตรุษจีนปีหน้า ซึ่งปี 2565 ตั้งเป้ากระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยประมาณ 7-10 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้รวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
ด้าน นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ภาพรวมอัตราการเข้าพักของโรงแรมเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งได้อานิสงส์เชิงบวกจากการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงวันหยุดสงกรานต์ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ และการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ โดยเห็นอัตราการเข้าพักเดือนเมษายน 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 34% ส่งผลให้เดือนพฤษภาคมนี้ อัตราการเข้าพักสูงขึ้นเพราะสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น รวมถึงการปลอดล็อคมาตรการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นสัญญาณดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ