วันที่ 23 พ.ค.65 เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลโรงช้าง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ ปปช.จ.สิงห์บุรี ผู้กำกับการตำรวจภูธรอำเภอพรหมบุรี ฝ่ายปกครอง และนายก อบต.โรงช้าง พร้อมเจ้าหน้าที่ และ นางอารีรัตน์ คธาวุฒิ พร้อมพี่สาวทั้ง 2 คนของนางอารีรัตน์ ที่เป็นเจ้าของที่ดิน เขรจาหาข้อยุติกรณีปิดถนนดัง
โดย นางอารีรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่ปิดถนนนั้น เพราะในส่วนของถนนมันผ่ากลางที่ดินของตน ซึ่งที่สาธารณะที่อยู่หลังที่ดินของตนขนาดกว้าง 8 วา ทำไมไม่ไปทำถนนกัน โดยตนคิดว่าตนเสียสิทธิในการใช้ประโยชน์ของที่ดินตรงนี้มานานถืง 50 ปี และที่ตรงนี้ตนก็ไม่เคยยินยอมให้ใช้เป็นที่สาธารณะ ทุกครั้งที่มีการลาดยางถนน ตนก็จะไปแจ้งทาง อบต.โรงช้างด้วยวาจาว่าที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคลอย่ากระทำการโดยพละการ และที่ออกมาปิดกั้นถนนในที่ดินของตนในครั้งนี้เพราะว่าได้มีชาวบ้านได้ไปร้องเรียนว่าตนปลูกต้นไม้ข้างทาง ปลูกโรงเรือนในที่หลวง ตนจึงลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ของตนเอง โดยพรุ่งนี้ตนจะเดินทางเข้าทำเนียบไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับท่านนายกรัฐมนตรี
ด้านทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ช่วยกันพูดประณีประนอมกับนางอารีรัตน์ฯ แต่สรุปหลังจบการประชุมคือ ยังยืนยันคำเดิม ไม่มีการเปิดทาง
จนเมื่อเวลา เวลา 15.50 น. นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้เดินทางมาที่ อบต.โรงช้าง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีที่นางอารีรัตน์ ปิดถนนสายกลางหมู่บ้าน พื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลโรงช้าง อำเภอพรหมบุรี โดยใช้วงท่อซีเมนต์วางกั้นปิดถนนและตอกเสาไม้ยูคาบริเวณถนนหน้าบ้านนางอารีรัตน์ ทำให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางนั้นต่างเดือดร้อน เด็กนักเรียน ไปรษณีย์ ซึ่งต้องอ้อมไปอีกทาง ซึ่งจากข้อเท็จจริงถนนสายดังกล่าวชาวบ้านได้ใช้สัญจรไปมาเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 50 ปี และต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นถนนทางหลวงท้องถิ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ปรับปรุงซ่อมแซมมาโดยตลอด
โดย นายชัยชาญ ได้พิจารณาร่วมกันเป็นที่ยุติในข้อกฎหมายว่า ทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันมานานแล้ว ผู้อ้างสิทธิย่อมไม่อาจปิดกั้นถนนสาธารณะได้ จึงให้อบต.พิจารณาดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 1.ให้ อบต.โรงช้าง แจ้ง นางอารีรัตน์ ให้รื้อถอนทันที 2.กรณี นางอารีรัตน์ ไม่ยอมรื้อถอน อบต.โรงช้าง จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี และรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกจากถนนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้สัญจรตามปกติทันที ซึ่งผลการดำเนินการ นายชัยชาญ ผวจ.สิงห์บุรี ได้ไกล่เกลี่ยแล้ว นางอารีรัตน์ ไม่ยินยอมรื้อถอนเอง แต่ประสงค์ให้ อบต.โรงช้าง ดำเนินการตามอำนาจเอง อบต.จึงได้แจ้งความดำเนินคดีและดำเนินการรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกจากถนนตามอำนาจหน้าที่และนำส่งของกลางไว้ที่ สภ.พรหมบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
+++++++