เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 พ.ค.2565 ที่ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะและนาง พลอยรุ้ง ภู่โอบอ้อม มารดา พร้อมญาติ เดินทางเดินมาให้การต้อนรับ นายไชยพงศ์ กรวสุรมย์ ผู้จัดการทีมสนุกเกอร์ชุดซีเกมส์ และ นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย พร้อมคณะทีมสนุกเกอร์ชุดซีเกมส์ ทีมชาติไทย ที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ด้วยสายการบิน ไทยสมาย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน WE561 หลังจากที่ทีมชาติไทย สามารถทำผลงาน กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ประเทศเวียดนาม มี สนุกเกอร์ 15 แดง 1 เหรียญทอง นาย วัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) 1 เหรียญทองแดง นายภาสกร สุวรรณวัฒน์ (กร นครปฐม) สนุกเกอร์ 6 แดง 1 เหรียญทองแดง นายสุชาครีย์ พุ่มแจ้ง (ขวัญ สระบุรี) บิลเลียดเดี่ยว 2 เหรียญทองแดง นายประพฤติ ชัยธนสกุล รมย์ สุรินทร์ นายยุทธภพ ภาคพจน์ (นุ้ก จันท์) บิลเลียดคู่ 1 เหรียญทองแดง นายประพฤติ ชัยธนสกุล (รมย์ สุรินทร์) กับ นายธวัช สุจริตธุรการ (วัช หาดใหญ่) พูล 10 ลูกหญิงเดี่ยว 1 เหรียญทองแดง น.ส. เพ็ญนิภา นาคจุ้ย (น้ำ พัทยา) แครอมบอล 3 ชิ่ง 2 เหรียญทองแด นายสุริยา สุวรรณสิงห์ (หรั่ง พัทยา) นาย สมพล แซ่ตั้ง (เต่า มาสเตอร์) ด้าน นายไชยพงศ์ กรวสุรมย์ ผู้จัดการทีมสนุกเกอร์ชุดซีเกมส์ กล่าวว่า ในการแข่งขันในครั้งนี้มีแข่งขัน 5 ประเภท สนุกเกอร์ บิลเลียด พูล 9 ลูก กับ พูล 10 ลูก แครอม โดยสรุปผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจ เราได้เหรียญทอง สนุกเกอร์ 15 แดง โดย ต๋อง เป็นคนได้ และ อื่น ๆ เราก็สามารถทำเหรียญทองแดงได้ ส่วนกีฬา แครอม ที่เราไม่เคยได้เหรียญทองแดงเลย ปีนี้สามารถได้ถึง 2 เหรียญทองแดง เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าทีมสนุกเกอร์ของสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย สามารถทำผลงานได้ตามเป้าในการไปแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ เวียดนาม ในปีนี้ นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) กล่าวว่า ก่อนออกไปแข่งขันยังไม่ได้คาดหวังอะไร พอไปถึงที่นั้น เวียดนามเป็นอีกประเทศที่ใฝ่ฝันอยากไปเห็นบ้านเมืองของเขา โดยไม่เคยไปแถบเอเชียเลย ไปแต่ยุโรปมาตลอด แต่ก็ประทับใจคนดูที่นั่น ให้ความสนใจดูเยอะมากทั้งที่ไม่ถนัดสนุกเกอร์แท้ ๆ ถนัดแต่แคร่อม พูล ก็ไม่ถนัด เราเป็นประเทศไทยที่ถนัด สนุกเกอร์ บิลเลียด พูล กว่าเขา แต่การให้ความสนใจของเขาน่าปลื้มมาก เราเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน ทำให้ได้แรงบันดาลใจ ได้ความรู้สึกที่ มหัศจรรย์ ตอนแรกก็ไม่อยากได้เหรียญ แต่ขอสักครั้ง ตั้งแต่ 35 –36 ปี ที่ไม่ได้มาทางแถบสายเอเชีย โค้งสุดท้ายแล้วขอสักครั้งถ้าเป็นไปได้ และนั้นเป็นสิ่งที่ปรารถนาในใจ