วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ศูนย์บัญชาเหตุการณ์ตอบโต้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จ.นครราชสีมา นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา ชี้แจงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดต่อร้ายแรงในพื้นที่ 32 อำเภอ พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,745 ราย รักษาอยู่ 16,977 ราย รักษาหาย 146,867 ราย ป่วยสะสม 164,098 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 5 ราย ทั้งหมดมีประวัติไม่เคยรับวัคซีนแต่อย่างใด โดยเป็นหญิงอายุ 87 ปี ต.หันห้วยทราย อ.ประทาย ประวัติโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง ไขมันในหลอดเลือด หญิงอายุ 91 ปี ต.กระทุ่มลาย อ.ประทาย ประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดในสมอง หญิงอายุ 63 ปี ต.ช่องแมว อ.ลำทะเมนชัย ประวัติโรคประจำตัวน้ำในเยื่อหุ้มปอด หญิงอายุ 81 ปี ต.ทุ่งอรุณ อ.โชคชัย และชาย อายุ 51 ปี ต.จอหอ อ.เมือง ประวัติโรคประจำตัวหลอดเลือดในสมอง เสียชีวิตสะสม 254 ราย
นพ.วิชาญ เปิดเผยว่า เมื่อประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติพร้อมสถานศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่ 32 อำเภอ ของ จ.นครราชสีมา จำนวน 1,726 แห่ง ได้เปิดเรียนออนไซต์ 100 % ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ล่าสุดรับรายงานพบนักเรียนป่วย 83 ราย และบุคลากรทางการศึกษา 24 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนประถมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 (สพป.นม.4) พื้นที่ อ.ปากช่อง อ.คิ้ว และ อ.สูงเนิน ติดเชื้อ 79 ราย ซึ่งมีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษา จึงมีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มที่ออกมาทำกิจกรรมทางสังคม มีความจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนในสถานศึกษายังรับวัคซีนเข็มกระตุ้นค่อนข้างน้อย
นพ.วิชาญ เปิดเผยว่า เมื่อประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติพร้อมสถานศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่ 32 อำเภอ ของ จ.นครราชสีมา จำนวน 1,726 แห่ง ได้เปิดเรียนออนไซต์ 100 % ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ล่าสุดรับรายงานพบนักเรียนป่วย 83 ราย และบุคลากรทางการศึกษา 24 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนประถมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 (สพป.นม.4) พื้นที่ อ.ปากช่อง อ.คิ้ว และ อ.สูงเนิน ติดเชื้อ 79 ราย ซึ่งมีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษา จึงมีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มที่ออกมาทำกิจกรรมทางสังคม มีความจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนในสถานศึกษายังรับวัคซีนเข็มกระตุ้นค่อนข้างน้อย