จากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่คลีคลายลง จึงทำให้หลายๆ ประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เริ่มผ่อนคลายมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยว ล่าสุด ประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนามต่างยกระดับเปิดประเทศ ทั้งฟรีวีซ่า และเข้าประเทศโดยไม่ต้องแสดงผลตรวจ หรือหลักฐานการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อเร่งเครื่องดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเที่ยวกันอย่างคึกคัก ไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว โดย ณัฐินีฐิติ ภิญญาปิญชาน์ ผู้แทนภาคพื้นการท่องเที่ยวอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและอินโดจีน กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปิดประเทศอินโดนีเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว ซึ่งสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจากสนามบินงูระฮ์ไร ของบาหลีมีผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 287 ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2565 จำนวนผู้โดยสารขาเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากการสิ้นสุดนโยบายการกักกันโรคที่เข้มงวดของอินโดนีเซียและการเปิดโครงการ Visa On Arrival (การขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง) ซึ่งโครงการดังกล่าวช่วยให้นักเดินทางจาก 60 ประเทศสามารถเดินทางไปยังอินโดนีเซียได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวก่อนเดินทางมาถึง Visa On Arrival ช่วยให้นักท่องเที่ยวจาก 60 ประเทศที่ระบุไว้สามารถพำนักอยู่ในอินโดนีเซียได้นานถึง 30 วัน ทั้งนี้เป็นเพราะอินโดนีเซียได้ยกระดับการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายบริหารของจังหวัดบาหลี ได้ประกาศตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ระบุถึงชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าบาหลีได้โดยไม่ต้องกักตัว อีกทั้งยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 9 ชาติอาเซียน ได้แก่ ไทย บรูไน ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์และเวียดนาม สามารถเดินทางเข้าบาหลีโดยไม่ต้องขอวีซ่า (Visa-Free Special Visit) โดยนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องได้รับวัคซีนครบโดสและทำการทดสอบ PCR ก่อนการเดินทาง 2 วัน และจะต้องมีประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการป่วยโควิดด้วย แต่นักเดินทางต่างชาติที่อายุไม่ถึง 18 ปีไม่ต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนต้านโควิด ซึ่งในช่วงเดือนเมษายน 2565 มีนักท่องเที่ยวเยือนบาหลีเฉลี่ย 2,222 คนต่อวัน รวมเป็น 66,685 คนตลอดทั้งเดือน เนื่องจากบาหลีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดของอินโดนีเซียในหมู่นักเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นชุมทางสำหรับกลุ่มคนทำงานออนไลน์และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน และ เคยต้อนรับผู้มาเยือนจากต่างประเทศมากกว่า 6.5 ล้านคนต่อปีในช่วงทศวรรษก่อนที่จะเกิดโรคระบาดใหญ่ ในขณะที่บาหลีรวมไปถึงอินโดนีเซียได้ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางจากโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการได้รับวัคซีนอย่างแพร่หลายเป็นเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยที่จะกลับมาเดินทางข้ามประเทศอีกครั้ง ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวในบาหลีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำประเทศ G20 ในเดือนพฤศจิกายน 2565 นำเสนอภาคการท่องเที่ยว และศักยภาพทางเศรษฐกิจออกสู่สายตาชาวโลก สายการบินพร้อมสนับสนุน ด้านประเทศเวียดนามได้ผ่อนปรนมาตรการเดินทางเข้าประเทศ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือหลักฐานแสดงการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการเดินทางเข้าสู่ประเทศเวียดนามที่เพิ่งได้รับการผ่อนปรนนี้ ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจสู่ประเทศเวียดนามอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ซึ่ง สายการบินไทยเวียตเจ็ทในฐานะสายการบินที่ให้บริการเที่ยวระหว่างประเทศไทยและเวียดนามมากที่สุดในราคาที่เข้าถึงได้ จึงให้บริการเที่ยวบินระหว่าง กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) และ โฮจิมินห์ สูงสุดสัปดาห์ละ 10 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่าง กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) และ ฮานอย สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางสู่ ดานัง ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเวียดนาม ด้วยเที่ยวบินตรงของเวียตเจ็ท ซึ่งให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน นอกจากนี้ยังให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศเวียดนาม โดยมีเครือข่ายเส้นทางบินที่ใหญ่และครอบคลุมมากที่สุดในประเทศเวียดนาม โดยให้บริการเที่ยวบินตรงจาก ฮานอย โฮจิมินห์ และดานัง สู่หลากหลายปลายทางยอดนิยมในเวียดนาม อาทิ ญาจาง ฟู้โกว๊ก เว้ อ่าวฮาลอง เกิ่นเทอ กว๋างบิ่น กวีเญิน เป็นต้น พร้อมกันนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศของเวียตเจ็ทสู่หลากหลายปลายทางทั่วทวีปเอเชีย อาทิ โซล ไทเป โตเกียว นาโกยา ฟุกุโอกะ นิวเดลี มุมไบ สิงคโปร์ บาหลี และกัวลาลัมเปอร์ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือซีเกมส์ 2022 ครั้งที่ 31 ณ เมืองฮานอย ระหว่างวันที่ 12 - 23 พฤษภาคม 2565 คาดว่าน่าดึงผู้ร่วมงานกว่า 10,000 คน จาก 11 ประเทศ