“ธนกร”เผยช่วงวันหยุดยาว การท่องเที่ยวไทยคึกคัก ส่งสัญญาณดี นายกฯ ชื่นชมทีมแพทย์-สาธารณสุขดูแลผู้ป่วยโควิดให้ลดน้อยลง-กลับบ้านเพิ่มขึ้น ขณะที่โควิดไทยติดเชื้อใหม่ 5,238 ราย ตาย 40 ราย รักษาหาย 9,168 ราย ด้าน เมื่อวันที่ 16 พ.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามความคืบหน้าด้านการท่องเที่ยวในช่วงนี้พบว่าการระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง และรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศที่ดำเนินไปอย่างมีขั้นตอนสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยหลังจากไทยประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวลงทะเบียนไทยแลนด์พาสกว่า 3 แสนคน มีการเดินทางเข้าประเทศเฉลี่ยวันละ 1 หมื่นคน ทั้งนี้สถานประกอบการของไทยที่กลับมาเปิดให้บริการ มีการ Up Skill และ Re Skill ทราบถึงพฤติกรรมนักท่องเที่ยวหลังโควิด เช่น การใส่ใจเรื่องสุขภาพ มาตรการความปลอดภัย การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ ไปจนถึงด้านเทคโนโลยีที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อปรับตัว และเดินทางไปสู่ Next normal ที่เป็นขั้นกว่าของการใช้ชีวิตคู่โควิดต่อไป นอกจากนี้พบว่า ลักษณะการท่องเที่ยวตอนนี้จะเปลี่ยนไป จากที่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็จะเริ่มกลุ่มเล็ก และส่วนตัวมากขึ้น นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของจ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมและจุดหมายปลายท่องเที่ยว ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 13-16 พ.ค.65 (4 วัน) พบว่า มีจำนวนห้องพัก 70,000 ห้อง คิดเป็น 70% ของห้องพักที่เปิดให้บริการ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 44.46 คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นสูงถึง 60% เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่นิยมจองแบบ last minute และบางแห่งมียอดการจองสูง 60-80% โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ อาทิ หาดป่าตอง หาดกมลา หาดสุรินทร์ หาดกะตะ หาดกะรน ตัวเมืองภูเก็ตและอื่นๆ จำนวนผู้เดินทางขาเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ยวันละประมาณ 4,000 คน จาก 27 เที่ยวบิน เสริมกับตลาดคนไทยที่เดินทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน สายการบินภายในประเทศขาเข้าภายในประเทศรวม 7 สายการบิน มีจำนวนเที่ยวบินขาเข้าเฉลี่ยวันละ 100 เที่ยวบิน อัตราการขนส่งผู้โดยสาร (load factor) อยู่ที่ประมาณ 60-100% จำนวนผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ย 15,000 คนต่อวัน และเที่ยวบินระหว่างประเทศเฉลี่ยวันละ 27 เที่ยวบิน ผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละ 4,000 คน จำนวนผู้เยี่ยมเยือน 150,596 คน คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้เฉลี่ย 1,826.19 ล้านบาท ขณะที่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีนักท่องเที่ยวเดินทามาเป็นจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมงานฟูลมูนปาร์ตี้ในวันเดียวกันนี้ ที่จัดในรูปแบบย้อนยุค “Back to the roots” ทำให้ห้องพักโรงแรมต่างๆ และร้านอาหารรวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของเกาะสมุย และเกาะพะงัน และในเดือนหน้าวันที่ 14 มิ.ย. จะเป็นงานฟูลมูนปาร์ตี้อีกครั้ง ซึ่งจะมีการจัดงานเต็มรูปแบบปาร์ตี้ที่โด่งดังไปทั่วโลก “จากมาตรการผ่อนคลายของรัฐปกติช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงฤดูร้อนของไทย และเป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยม หรือ High Season ภาคการท่องเที่ยวทั้งของชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามอย่างเช่นภาคใต้และหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยนายกฯ ได้กำชับไปยังตำรวจและหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และขอให้คนไทยช่วยกันสอดส่องดูแลรักษาภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เกิดรายได้ให้กับประเทศไทยต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว นายธนกร ยังกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า นายกฯ ชื่นชมการสาธารณสุขไทยและขอบคุณทีมแพทย์และบุคคลกรทางการแพทย์ในการดูแล รักษาผู้ป่วยโควิด หายป่วยจนสามารถกลับบ้านได้ มีจำนวนมากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน จำนวนผู้ป่วยในระบบลดน้อยลง อย่างไรก็ตามนายกฯ ยังย้ำถึงความจำเป็นที่ทุกฝ่ายยังคงต้องยึดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) และมาตรการ COVID Free Setting อย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนประชาชน รวมทั้ง ผู้ปกครองเร่งนำบุตรหลานเข้ารับวัคซีนทั้งเข็มหลักและเข็มกระตุ้น ยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีน สามารถช่วยลดความรุนแรง เมื่อได้รับเชื้อโควิด รวมทั้งยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่บุตรหลานด้วย ด้าน ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 5,238 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 5,236 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 2 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวน 2,155,649 ราย หายป่วยกลับบ้าน 9,168 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม มีจำนวน 2,114,273 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 66,805 ราย และเสียชีวิต 40 ราย รวมเสียชีวิตสะสม มีจำนวน 29,512 ราย รายงานข้อมูลจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากที่สุด 10 อันดับแรก มีรายละเอียดดังนี้ 1.กรุงเทพมหานคร 1,750 ราย2.สุรินทร์ 282 ราย3.บุรีรัมย์ 197 ราย4.ขอนแก่น 172 ราย5.ชลบุรี 142 ราย6.อุบลราชธานี 139 ราย7.ร้อยเอ็ด 120 ราย8.สมุทรปราการ 119 ราย9.นครราชสีมา 111 ราย10.พระนครศรีอยุธยา 89 ราย วันเดียวกัน นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yong Poovorawan ระบุว่า โควิด -19 วัคซีน การกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย mRNA วัคซีน ตามหลังวัคซีนแบบเชื้อตาย ได้ผลดีมาก มีรายงานการศึกษามาสนับสนุนการศึกษาของเราเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นรายงานล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Communication โดยนักวิจัยชาวสวีเดน ที่ทำการศึกษาร่วมในหลายประเทศ (พิมพ์ใน Nature) และใช้ตัวอย่างน้อยกว่าเราเป็นจำนวนมาก อ่านรายละเอียดได้จาก https://www.nature.com/articles/s41467-022-30340-5 รวมทั้งการศึกษาอีกหลายแห่งได้ผลเช่นเดียวกัน เป็นการยืนยันซึ่งกันและกัน จากข้อมูลที่สรุปมาจะเห็นได้ชัดเจนว่าการให้วัคซีนเบื้องต้นเป็นเชื้อตายเช่น ชิโนแวก ชิโนฟาร์ม และเข็มสามกระตุ้นด้วย pfizer ที่ 5 ถึง 7 เดือน หลังเข็ม 2 ได้ผลไม่แตกต่างกัน กับการฉีดวัคซีน pfizer 3 เข็ม การให้วัคซีนต่างชนิดกัน จะไปช่วยเสริมกัน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการกระตุ้นในระบบ T เซลล์ ได้ผลแบบเดียวกัน เท่าเทียมกันกับคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน แล้วกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA (ข้อมูลการศึกษาในสวีเดน) ที่ผ่านมาประเทศไทยเราเสียโอกาสนี้ไปมาก อย่างไรก็ตามการให้ในเด็กเราก็เชื่อว่าได้ผลแบบเดียวกัน