จากข้อมูลในรายงาน Phuket Hotel Market Update 2022 ของ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ ระบุว่า โครงการโรงแรมในอนาคต (pipeline) บนเกาะภูเก็ตที่เคยแข็งแกร่ง ขณะนี้กำลังประสบปัญหาจาก 'ปัจจัยความกลัว' ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนและแนวโน้มในอนาคตที่ไม่ชัดเจน ความเชื่อมั่นเชิงลบและสภาพคล่องที่ตึงตัวได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนา โดยมีโครงการโรงแรมที่จะเปิดใหม่ 33 แห่ง รวมห้องพัก 8,616 ห้องกำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่ทราบแน่ชัด ภูเก็ตน่าจะฟื้นตัวได้ปี 2568 นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์ กล่าวว่า เมื่อเจาะลึกข้อมูลโครงการต่าง ๆ ใน Pipeline แล้ว 55% ของโครงการโรงแรมเป็นแบบผสม (mixed-use) หรือโรงแรมที่พักอาศัย (hotel residences) ที่มาพร้อมแผนการลงทุนแบบเช่า ที่กำหนดเป้าหมายผู้ซื้อเพื่อการลงทุนรายบุคคล ในแง่ของภาวะเศรษฐกิจ การวิจัยของ C9 ระบุว่า โครงการการบริการที่นำโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บางโครงการไม่น่าจะกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ในรายงานยังระบุว่า ในปี 2562 ภูเก็ตเคยมีผู้โดยสารขาเข้ากว่า 9 ล้านคน ก่อนจะลดลงเหลือเหลือเพียง 900,000 คนในปี 2564 เท่านั้น ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่า ในภูเก็ตมีสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนแล้ว 1,786 แห่ง และมีห้องพักในโรงแรมมากถึง 92,604 ห้อง ซึ่งแน่นอนว่า นักท่องเที่ยวไม่เพียงพอต่อห้องว่างทั้งหมดนี้ ซึ่งกว่า 40% ของผู้มาเยือนภูเก็ตจากต่างประเทศเมื่อสองปีก่อน มาจากจีน ยุโรปตะวันออก รวมทั้งรัสเซีย ดังนั้นจึงคาดว่า ภูเก็ตน่าจะฟื้นตัวได้ในปี 2568 โดยมีตลาดหลักคือ “จีน” และหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า ตัวเลขที่มีเสถียรภาพของภูเก็ตจะกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากภูเก็ตมีภูมิศาสตร์ที่ดี โครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ และความสามารถในการขนส่งทางอากาศที่สะดวกสบาย แต่ประเด็นทางการเมืองและเศรษฐกิจมหภาคกำลังเป็นปัญหาในระยะสั้น การลงทุนเริ่มเปลี่ยนวิธีใหม่ โดย นายบิล ยังกล่าวต่อว่า ภูเก็ต เป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในความพยายามที่จะกระตุ้นการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลาย รวมถึงเป็นผู้บุกเบิกโครงการ Phuket Sandbox แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้เห็นได้จากการหายไปของนักท่องเที่ยว “Snowbird” หรือนักท่องเที่ยวหนีหนาวจากยุโรปและรัสเซีย โดยผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตจัดการกับการควบคุมความเสียหายจากวิกฤตยูเครน-รัสเซียได้อย่างรวดเร็ว แต่ตลาดรัสเซียส่วนใหญ่ล้มเหลวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ภูเก็ตกำลังมองหาตลาดทดแทน โดยตลาดที่มีชื่อเสียง 3 แห่งที่กำลังเพิ่มบริการขนส่งทางอากาศไปยังภูเก็ต ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย และตะวันออกกลาง และตลาดเหล่านี้ยังคงแข็งแกร่ง ดังนั้นส่วนที่เหลือของปี 2565 และปีต่อ ๆ ไปนั้น จะได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการขายโรงแรม บ่งชี้ความเชื่อมั่นในการลงทุนแบบเดิมในทรัพย์สินด้านการบริการกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลง โดยจำนวนเจ้าของโรงแรมไทยและนักลงทุนต่างชาติที่ถอยออกจากภาคอุตสาหกรรมนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในโครงการใหม่ (pipeline) ในตลาด พร้อมกันนี้ นายบิล ยังกล่าวต่อว่า ทัศนคติที่เปลี่ยนไปอีกประการหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะภูเก็ต คือการเปลี่ยนจากแบรนด์โรงแรมอิสระไปเป็นแบรนด์ระดับโลก เนื่องจากโรงแรมที่อยู่ภายใต้เครือแบรนด์ใหญ่ได้รับความสนใจมากกว่าจากนักเดินทางในช่วง Phuket Sandbox ในขณะที่แบรนด์โรงแรมระดับนานาชาติเหล่านั้น จำนวนหนึ่งได้เปลี่ยนการจัดการเป็นโมเดลแฟรนไชส์เช่นกัน อีกหนึ่งปัญหาสำคัญของภาคอุตสาหกรรมการบริการชของภูเก็ตคือการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับทุกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก ซึ่งหมายความว่า การทำงานมากขึ้นโดยใช้พนักงานน้อยลงจะต้องเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการท่องเที่ย