ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า​ พวกทำลายระบบการศืกษาประเทศไทย ในรัชสมัยของพระเจ้าพุทธเจ้าหลวง ทรงครองราชย์ 42 ปี ได้ส่งนักเรียนทุนคิง และทุนกระทรวงต่างๆ ไปศืกษาในต่างประเทศ 204 คน สมัยรัชกาลที่6 ครองราชย์ 15 ปี ส่งนักเรียนทุนไปศืกษาต่อต่างประเทศ 306 คน รวมสองรัชกาล มีนักเรียนทุน 510 คน นักเรียนเหล่านี้ คือ ความหวังที่จะกลับมาพัฒนาสยามประเทศ ในโครงการที่ ร 5 ทรงริเริ่มไว้เป็นประเทศแรกๆในเอเซีย จนญี่ปุ่นยังต้องมาดูงาน เช่น การไฟฟ้า รถไฟ อากาศยาน รถราง ไปรษณีย์ ป่าไม้ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ พาณิชย์นาวี การพาณิชย์ การศืกษา การเหมืองแร่ การผังเมือง คนเก่งที่สุดของประเทศเหล่านี้ จำนวนมาก ถูกปลดจากราชการ ส่งไปขังไว้ที่เกาะตารุเตา นักพัฒนาจำนวนมากไปตายในต่างประเทศ หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ดิกชันนารี่ฉบับแรกของไทย เขียนจากในคุก โดย สอ เสถบุตร พวกเขาถูกหาว่าเป็นสายเจ้า​ ผมคุ้นเคยกับชื่อนักเรียนทุนเหล่านี้ที่ติดบอร์ดไว้ที่โรงเรียน ยุคนั้น เป็นยุคสมัยการสร้างเมือง การสร้างชาติในยุโรป หากไม่ถูกจำคุก ปลดออก ไล่ออกประเทศไทยน่าจะไปได้ระดับญี่ปุ่น ผมหวังว่าเมื่อคณะราษฎร์ยืดอำนาจได้ ได้สั่งปิดการสอนมัธยมปลายในโรงเรียนรัฐบาล ในกรุงเทพ25 แห่งและปิดการสอนมัธยมปลายใน โรงเรียนประจำมณฑล ประจำ จังหวัดทั่วประเทศ โรงเรียนเหล่านี้ ได้กลับมาเปิดสอนชั้นมัธยมปลายอีกครั้งในปี 2490 เหตุที่ปิด เขาหาว่าเป็นโรงเรียนเจ้าตั้ง ดีที่ไม่ปิดเซนต์โยไปด้วย โรงเรียนเซนต์โยเซฟเปิดสอนในรัชกาลที่5 เช่นกัน​ พังยาว สามสิบปีได้ ใช้เวลาพื้นตัวนาน การศืกษาพังทลาย ระบบการเรียนที่มีครูฝรั่งมาสอน ใช้ระบบอังกฤษ มีครูฝรั่งเป็นอาจารย์ใหญ่ถูกทำลายลง นักเรียนยุคนั้นจบ ม ปลาย ภาษาใช้งานได้แล้ว ครูฝรั่งถูกส่งกลับประเทศหมดสิ้น แต่การศืกษาระบบนี้ยังดำเนินต่อไปในสิงคโปร์ มลายา ลังกา อินเดีย ฟิลิปปินส์ ที่เอาครูฝรั่งมาตั้งถิ่นฐานกันมาก คนพื้นเมืองประเทศเหล่านั้นเดิมพูดอังกฤษไม่เป็นเหมือนกัน โรงเรียนของไทยกลับคืนมาใหม่ มีโรงเรียนดีๆกระจายทั่วพระนคร และต่างจังหวัด เด็กมีความสุขกันดี ไม่เครียด ไม่กวดวิชา มีเวลาเตะบอล มีจินตนการ ช่วยสร้างประเทศกันมากมาย --------------------- ราวปี 2503 เกิดการทำแผนพัฒนาประเทศฉบับแรก ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลกมาช่วยวางแผนการศืกษา และวางแผนกำลังคน จัดเงินกู้ให้พัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ม แพทย์ศาสตร์ ม เชียงใหม่ และขอนแก่น มีเงินร้อกกี้เฟลเลอร์มาช่วยธรรมศาสตร์ ทำให้มหาวิทยาลัยเข้มแข็ง เน้นผลิตสาขาจำเป็น ไม่ล้น ไม่เกิน​ เมื่อนักการเมืองมาคุม ไม่มีแผนใดๆ ขื้นกับเงินใต้โต๊ะ ผลประโยชน์งานก่อสร้างมหาวิทยาลัย จืงผลิตกันล้น สาขาที่ควรผลิตไม่มี การวางแผนโดยผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีผลประโยชน์ต่างจากนักการเมืองที่เอาผลประโยชน์นำมาก​ เมื่อต่างประเทศออก นักการเมืองคุม ความเละเทะก็เกิดขื้น ------------------------- พศ 2532 มีคนประหลาดสองคนคือ มาผลักดันให้จับฉลากเข้าโรงเรียนทุกโรงเรียน ไม่มีประเทศใดในโลกเขาทำกัน อ้างเหตุว่าแก้รถติด และทำให้โรงเรียนเท่ากัน เมื่อสองปีที่ผ่านมา ผมตามไปดูพบว่าทำวิจัยงี่เง่า ไม่มีข้อมูลอะไรไว้ชิ้นหนื่ง จับฉลากอยู่สองปี แต่นักเรียนเรียนอย่างน้อยสามปี อย่างมากหกปี ห้ามสอบตกอีก โรงเรียนไทยพังทั้งประเทศ มีจับสลากครื่งหนื่ง สอบเข้าครื่งหนื่งหลายปี พังยาวอีก 15 ปีทั่วประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชา มาดูงานที่ไทยราว 2535 ขำมาก โรงเรียนเพิ่งแกร่งเหมือนเดิมเมื่อสิบปีที่ผ่านมา แต่โรงเรียนจำนวนมาก ตายแล้วตายเลย เราจืงเกิดวิกฤติการศืกษา ผู้ปกครองไม่มีโรงเรียนที่ดีรับได้เพียงพอ แห่ส่งลูกเข้าอินเตอร์บ้าง ไปนอกบ้าง กวดวิชาบ้าง​ จะเกิดเงินไหลออกครั้งมโหฬาร เศรษฐกิจจะฝืดมาก เมื่อชนชั้นกลางไม่ศรัทธาระบบการศืกษาประเทศ ------------------------- สิบกว่าปีมานี้ นักการเมืองฝากลูกหลาน หัวคะแนนมาเป็นครู ข้าราชการจากมหาวิทยาลัยแข่งขันสูงมีเพียง 5% มีคอรัปชั่น 30% ทั้งแทบเลต สร้างอาคาร เลือกใช้แบบเรียน โรงเรียนจำนวนมากค้างค่าไฟ รัฐมนตรีอยูในตำแหน่งคนละหกเดือนโดยเฉลี่ย​ มีงบ่ให้ซื้อเสื้อผ้า รองเท้าให้นักเรียนทุกคน บ้าป่าว ส่วนใหญ่ซื้อเองได้ เป็นกระทรวงหาเสียง หาตังค์ สัญญาแท็บเลตเซ็นไปแล้ว รับคอมห้าสิบเปอร์เซนต์ไปแล้ว เสียหายมากมาย ไม่มีทำคอนเทนท์ให้เด็ก โรงงานปิดไปแล้ว แต่จะซื้ออืก ต้นทุนผลิตพันเดียวเอง เป็นกระทรวงที่ต้องวางแผนกำลังคน ดันผลิตครูเกินมาปีละห้าหกหมื่น ห้ามพวกสายตรงอย่างวิศวะ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ มาสอน เด็กก็ต้องไปกวดวิชาซีครับ ขอด่า....ที่ทำลายการศืกษาไทย ทำร้ายเด็ก และทำลายชาติครับ 2557