นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทนตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมีใจความในการลดอัตราเงินสมทบ ให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่งวดเดือน กุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2565 ในอัตราใหม่ ดังนี้
-ทางเลือกที่ 1 ให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบจากเดิมอัตรา 70 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 42 บาท/เดือน
-ทางเลือกที่ 2 ให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบจากเดิมอัตรา 100 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 60 บาท/เดือน
-ทางเลือกที่ 3 ให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบจากเดิมอัตรา 300 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 180 บาท/เดือน
โดยผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถชำระเงินสมทบในอัตราใหม่ ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2565 ผ่านช่องทางที่ท่านสะดวกได้ดังนี้
1.เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-eleven
2.เคาน์เตอร์โลตัส
3.เคาน์เตอร์บิ๊กซี
4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
5.ตู้บุญเติม
6.เคาน์เตอร์เซ็นเพย์ พาวเวอร์บายบุญเติม
7.ผ่าน Mobile Application shoppyPay
สำหรับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างดำเนินการปรับระบบการรับชำระเงิน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่ชำระเงินสมทบเต็มจำนวนในอัตราเดิม ตั้งแต่งวดเดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2565 ก่อนประกาศมีผลบังคับใช้ วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 สำนักงานประกันสังคม จะดำเนินการจัดส่งเอกสารขอรับเงินคืนในส่วนที่ชำระไว้เกินจำนวนทางไปรษณีย์ หรือท่านสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มการขอรับเงินคืน (สปส.1-40/7) ในเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th พร้อมแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ประกันตน (ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน) และส่งเอกสารทางไปรษณีย์ โดยไม่ต้องเดินทางมา ณ สำนักงานประกันสังคม หรือหากท่านสะดวกสามารถ ยื่น ณ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั้งนี้ สํานักงานประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ประกันตน หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดราชการ