นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส. และเจ้าของอู่เชิดชัย และบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ เปิดเผยว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งค่าน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเดินรถของตนเองได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งบริษัทเชิดชัยทัวร์ที่มีรถอยู่กว่า 200 คัน วิ่งทั้งสายภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ตอนนี้เหลือรถวิ่งอยู่แค่ 20-30% เท่านั้น อีกประมาณ 70% ต้องหยุดวิ่ง จอดรถทิ้งไว้ที่อู่มานานกว่า 2 ปีแล้ว เพราะประสบกับปัญหาขาดทุน เนื่องจากไม่มีผู้โดยสารและค่าน้ำมันที่แพง วิ่งรถไม่คุ้มกับค่าโดยสาร โดยเฉพาะรถที่วิ่งสายยาว กรุงเทพฯ ไปจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคอีสาน และภาคเหนือ ตอนนี้หยุดวิ่งเกือบ 100% เหลือเพียงสายสั้น กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และจังหวัดภาคตะวันออก เนื่องจากว่าหากนำรถออกวิ่งทุกคันต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4 ล้านบาท อีกทั้งค่าแรงคนงาน ค้าจ้างพนักงาน และอื่นๆที่ต้องจ่ายอีกจำนวนมาก
ทั้งนี้บริษัทเชิดชัยทัวร์ ประกอบธุรกิจรถร่วมโดยสาร บขส. มานานกว่า 65 ปีแล้ว ช่วงตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นมา เริ่มประสบกับปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง จนกระทั่งมาเจอการระบาดของไวรัสโควิด-19 และค่าน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นขณะนี้ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก อีกทั้งประชาชนเริ่มเปลี่ยนไปซื้อรถส่วนตัว และเลือกเดินทางด้วยสายการบินโลคอสมากขึ้นเพราะค่าโดยสารไม่ต่างกันมาก แต่ใช้เวลาเดินทางเร็วกว่า
"ตนเองตัดสินใจจะเลิกธุรกิจรถโดยสาร บขส. โดยขายบริษัทเชิดชัยทัวร์ออกไป เพื่อไม่ให้กระทบกับธุรกิจอื่นๆ อาทิ ธุรกิจต่อตัวถังรถโดยสาร, ธุรกิจขายรถยนต์ และธุรกิจให้เช่าที่ดิน เป็นต้น"
