ใกล้เข้าไปทุกที ในการลุ้น 4 แชมป์สร้างประวัติศาสตร์ ในฤดูกาลนี้ โดยเหลือ 6 นัดกับการลุ้นถ้วยอีก 3 ใบ ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ล่าสุด “เจอร์เก้น คล็อปป์” นายใหญ่ “เร้ด แมชีน” นำลูกทีม บุกไปคว่ำ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ได้ 3-2 ในเกม ในศึก “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” รอบตัดเชือกนัดสองเมื่อวันอังคารที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา รวมสกอร์สองนัด 5-2 “หงส์แดง” เข้าชิงชนะเลิศถ้วยหูใหญ่เป็นสมัยที่ 7 และกลายเป็นทีมแรกของอังกฤษ ที่ผงาดเข้าชิงชนะเลิศถ้วย ลีกคัพ , เอฟเอคัพ และ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เรียบวุธในซีซั่นเดียวกัน แถมยังมีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ อีกใบ แต่งานนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่า “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ทีมจ่าฝูง ที่มีคะแนนนำอยู่ 1 แต้ม ว่าจะพลาดท่าแผ่วปลายหรือเปล่าด้วยเช่นกัน โดยโปรแกรมที่เหลืออีก 6 นัดสุดท้ายของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2021-22 เริ่มจาก ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ (4 นัด) โดย วันที่ 7 พฤษภาคม (เหย้า) สเปอร์ส วันที่ 10 พฤษภาคม (เยือน) แอสตัน วิลลา วันที่ 17 พฤษภาคม (เยือน) เซาแธมป์ตัน วันที่ 22 พฤษภาคม (เหย้า) วูล์ฟแฮมป์ตัน วันที่ 14 พฤษภาคม พบ เชลซี ในศึก “เอฟเอ คัพ” รอบชิงชนะเลิศ และวันที่ 28 พฤษภาคม รอบชิงในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และหาก "เจอร์เกน คลอปป์" กุนซือ “หงส์แดง” ที่เพิ่งต่อสัญญากับสโมสรออกไปถึงปี 2024 พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในครั้งนี้ได้จะเป็นการพาทีมคว้าแชมป์ สมัยที่ 2 ของตนเอง หลังเคยทำได้ในฤดูกาล 2019-2020 และจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของสโมสร สมัยที่ 20 รวมทั้งเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่พาทีมคว้า 4 แชมป์ อย่างไรก็ตาม หากย้อนอดีต “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในยุคต้นทศวรรษที่ 80 ก็มีลุ้นคว้า 4 แชมป์ได้แชมป์ ลีก คัพ 4 ปีติดต่อกันในฤดูกาล 1980-81 ถึง 1983-84 แต่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับถ้วย “เอฟเอ คัพ” ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เคยมีสโมสรอังกฤษที่คว้า 4 แชมป์ได้เลย จะมีแต่ใกล้เคียงที่สุดคือ “สิงห์บูลย์” เชลซี ฤดูกาล 2006-07 ภายใต้การคุมทัพของ “โชเซ่ มูรินโญ่” ในตอนนั้นที่เริ่มต้นจากการคว้าแชมป์ “ลีก คัพ” ด้วยการเอาชนะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ด้วยสกอร์ 2-1 ขณะที่นัดชิง “เอฟเอ คัพ” เจอกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ความฝัน ต้องพังทลายเมื่อ “มูรินโญ่” พาทีมแพ้จุดโทษในรอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้แก่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไป 1-4 หลังจาก 2 นัดสกอร์มาเท่ากันที่ 1-1 นอกจาก “เชลซี” แล้ว ทีม “ปีศาจแดง” แมนฯยู ก็เคยเกือบที่จะคว้า 4 แชมป์ได้เช่นกัน ในฤดูกาล 2008-09 แต่ดันมาพลาดท่า ในรอบตัดเชือก “เอฟเอ คัพ” แพ้จุดโทษแก่ “เอฟเวอร์ตัน” ไปด้วยสกอร์ 2-4 หลังจากที่ 120 นาทีสู้กันเสมอ 0-0 ขณะที่ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทะลุถึงรอบชิงก่อนที่จะแพ้แก่ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า 0-2 ที่กรุงโรม และทีมสุดท้ายที่มีลุ้นคว้า 4 แชมป์ คงหนีไม่พ้น ทีมของยอดกุนซือ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” โดยใกล้เคียงจะทำสำเร็จที่สุดคือฤดูกาล 2018-19 และปีที่แล้ว ครั้งแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายเสียท่ากฎประตูทีมเยือนแก่ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ หลังเสมอกัน 4-4 ส่วนปีที่แล้วถ้วยยุโรปนัดชิงแพ้ “เชลซี” 0-1 รวมถึง เอฟเอ คัพ ก็เป็น “เชลซี” ที่ทำแสบเบรกเอาไว้ในรอบตัดเชือกด้วยสกอร์เดียวกัน 1-0 น่าสนใจเหลือเกินว่า สุดท้ายแล้ว “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะได้กี่แชมป์? แฟนๆ “หงส์แดง” ทั่วโลกคงต้องลุ้นกันยกใหญ่พร้อม “ภาวนา” ให้ทีมคู่แข่ง “ดวงตก” เปิดทางให้ 6 นัดที่เหลือของ “หงส์แดง” ได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นทีมแรกบนเกาะอังกฤษ ในการคว้า 4 แชมป์ในที่สุด