วันที่ 3 พ.ค.65 ที่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 4 บ้านฝาง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย บ้านของ นายพีระวัฒน์ ตุ้มมี ข้าราชการครูบำนาญ วัย 64 ปี ใช้ชีวิตหลังเกษียณ ด้วยการเพาะต้นไม้ เลี้ยงผึ้งโพรง โดยยึดหลักคำสอนในหลวง ร.9 วิถีพอเพียง เล่าถึงที่มาของการเลี้ยงผึ้งโพรงว่า ตนเองชอบปลูกพืช ไม่ค่อยจะติดผล เลยคิดหาวิธีผสมเกษรโดยผึ้ง และเป็นความชอบของตนเองตั้งแต่ช่วงยังเป็นครูสอนนักเรียน ก็ได้พยายามศึกษา เรียนรู้ จากหนังสือ และไปดูกับผู้ที่เลี้ยง และมาทดลองเอง โดยทำเป็นกล่องจะกระจายวางไว้ในพื้นที่สวนหลังบ้านและนา ที่เป็นสวนผลไม้ และต้นไม้ ที่มีดอกต่าง ๆ จะเลี้ยงตามธรรมชาติ ไม่ให้น้ำตาลทราย ซึ่งจะทำให้ผึ้งผลิตน้ำหวานที่ดีมีคุณภาพ หอม หวาน อร่อย ผึ้งจะผลิตน้ำหวาน ขึ้นอยู่กับดอกไม้ด้วย ถ้ามีดอกไม้มากก็จะผลิตน้ำหวานเร็วหน่อย และตนเลี้ยงผึ้งโพรง ประสบผลสำเร็จ สามารถ มีรายได้เสริมจากการขายน้ำผึ้ง จากนั้นได้ชักชวนชาวบ้าน ให้เข้ามารวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากเลี้ยงผึ้งโพรงลงทุนไม่มาก การเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ถ้ารู้วิธีเลี้ยง โดยไม่ต้องซื้อหาอาหารมาเลี้ยง แต่ก็ต้องมีใจรักด้วย ส่วนใหญ่ ชาวบ้าน จะไม่ค่อยกล้าเลี้ยง เนื่องจากกลัวว่าผึ้งจะต่อย โดยเริ่มต้นจากการหาไม้มาทำเป็นโพรงเป็นรัง ให้ผึ้งเกาะ โพรงหนึ่งจะมีรวงประมาณ 8- 10 รวง แล้วนำนางพญา ผึ้งงาน มาปล่อยในโพรง นอกจากนั้น ก็จะต้องทำเสาไว้สำหรับวางโพรง โดยที่ตัวเสาก็จะต้องหาน้ำมันเครื่องมาทาเสาเพื่อป้องกันมดขึ้น นำไปวางใต้ร่มไม้ที่แดดไม่แรง หรือสวนผลไม้ต่างๆ โดยจะต้องกระจายวางโพรงให้ห่างกัน เพื่อไม่ให้ผึ้งแย่งน้ำหวานกัน โดยผึ้งงานจำนวนมาก ก็จะเข้ามาในโพรงสร้างรังผลิตน้ำหวาน ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ก็สามารถเก็บนำผึ้งได้ โดยช่วงที่เก็บน้ำหวาน ก็จะเป็นช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ผึ้งแต่ละรังจะได้น้ำหวาน 3-4ขวด วิธีการเอาน้ำหวานออกจากรังผึ้งตนจะใช้วิธีกรองด้วยผ้าขาว คลุมด้วยถุงพาสติกใสแขวนไว้ ประมาณ 2-3 วัน น้ำหวานจะข่อยๆไหลลง ซึ่งจะได้น้ำผึ้งแท้ 100% จากนั้นก็จะบรรจุใส่ขวดที่เตรียมไว้ ขายในราคาขวดละ 350 บาท สามารถสร้างรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี จนทางกลุ่มผลิตไม่ทัน ซึ่งปัจจุบัน ทาง กลุ่มมีผึ้งโพรงรวมกว่า 100 รัง