วันที่ 30 เม.ย. 65 เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 ขึ้นเวทีปราศรัยย่อย ณ ลานจอดรถตลาดหมู่บ้านธนะสิน เขตบึงกุ่ม พร้อมผู้สมัคร ส.ก. กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 3 เขต คือ เขตบึงกุ่ม หมายเลข 2 นายกฤษฎ์ เครือเจริญพร , เขตบางกะปิ หมายเลข 5 นางสาวนฤมล มิ่งขวัญ , เขตคันนายาว หมายเลข 2 นายสว่าง แก้วมณี โดยมี ส.ก.ทั้ง 3 เขต ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยทักทายและพูดคุยกับพี่น้องประชาชน โดยมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัย ประมาณ 2,000 คน ที่คอยปรบมือ ส่งเสียงให้กำลังใจตลอดการปราศรัย โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้แนะนำตัวในนามผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 6 และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังในวันนี้ และกล่าวว่า "กรุงเทพมหานคร" เป็นเมืองแห่งความหวังและโอกาส ที่ใครหลายคนอยากเข้ามา ศึกษา ทำงาน ใช้ชีวิต รวมทั้งสร้างครอบครัว ซึ่งทุกคนล้วนคาดหวังอยากที่จะได้รับความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ด้วยความซับซ้อนของเมือง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ดังนั้น การบริหารงานของกรุงเทพฯ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่เป็นผู้ว่าฯ การบริหารงานของกรุงเทพฯ เป็นการบ้านไม่ใช่การเมือง เป็นเรื่องที่ผู้ว่าฯ จะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ อย่างเรื่องน้ำเน่าที่คนอื่นพูดมาเกือบ 20 ปี ตนได้เอามาเป็นการบ้าน ทำให้น้ำในคลองใสสะอาดอย่างที่เห็นๆ กัน โดยมีการเปิดคลิปที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโซเซียล เรื่อง อยู่มา 5 ปี ทำอะไรบ้าง? เป็นภาพผลงานที่สามารถพูดแทนเกี่ยวกับผลงานที่ทำมาทั้งหมด หลังเปิดคลิปจบ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การที่ตนไม่ได้พูด ไม่ได้แปลว่าตนไม่ได้ทำ และย้ำว่า งานของผู้ว่าฯ เป็นการบ้าน และจะผลักดันให้เกิดนโยบายอีกหลายเรื่อง และเชิญชวนให้เลือก ส.ก.กลุ่มรักษ์กรุงเทพ ให้เข้ามาช่วยบริหารงานด้วย ซึ่งมี 4 นโยบายที่อยากผลักดันให้เกิดขึ้นจริง คือ1.การแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากบนถนนสายหลัก มี 24 จุด ที่ตนได้แก้ไปแล้ว 15 จุด และอยากจะทำต่อให้เสร็จ อีก 9 จุดที่เหลือ ดังนั้น อีก 4 ปี กับน้ำท่วมซ้ำซากแค่ 9 จุด ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ"อัศวิน" 2.เรื่องการจราจร ย้อนไปก่อนปี 58 บ้านเรารถติดอันดับ 2 ของโลก ตอนนี้จากอันดับที่ 2 มาอยู่ที่อันดับที่ 74 โดยตนทำไปหลายอย่าง ทั้งการเพิ่มทางลัด ทางลอดอุโมงค์ ทำรถโดยสารฟีดเดอร์พลังงานไฟฟ้าไป 2 สาย ขนคนเข้าสู่ระบบการขนส่ง ล้อ ราง หรือรถไฟ และเรือ แต่ยังไม่พอ จึงต้องอาสามาทำต่อ ให้ครอบคลุมทั้ง 18 เส้นทางหลัก 3.การรักษาพยาบาล โรงพยาบาลขนาดใหญ่ ยังไม่พอ ตนจึงอยากจะให้มีโรงพยาบาล 4 มุมเมือง และศูนย์สาธารณะสุขของ กทม. จะต้องพัฒนาเป็นโรงพยาบาลประจำเขต ที่มีเครื่องฟอกไต เครื่องให้ออกซิเจน เครื่องเอ็กซ์เรย์ ซึ่งจะช่วยในช่วงนาทีชีวิตได้ 4.เรื่องปัญหาปากท้อง พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ยังเดือดร้อนอยู่ สมัยเป็นผู้ว่าฯ ตนก็อยู่ไม่เป็นสุข ที่ผ่านมาได้ทำจุดผ่อนผันค้าขาย และจัดระเบียบ พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี ดังนั้น ต่อไป จะผลักดันให้มีจุดผ่อนผันเพิ่ม แต่ต้องเป็นจุดผ่อนผันที่กำหนดโดยชุมชน สร้างสมดุลระหว่างผู้ค้าและคนใช้ทางเท้า ส่วนใครที่ขาดเงินลงทุนตั้งตัว ที่ผ่านมาสมัยตนเป็นผู้ว่าฯ เคยสนับสนุนในรูปแบบเงินกู้ยืมไป แต่พี่น้องประชาชนยังเข้าไม่ถึงอย่างเต็มที่เพราะเงื่อนไขเยอะ ก็จะทำให้มันง่ายขึ้น ทั้งลดเงื่อนไข เพิ่มวงเงิน และยังมีอีกหลายสิ่ง ที่ตนจะต้องทำต่อให้กับพี่น้อง ประชาชน