สถานการณ์การเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง! ภายหลังกระแสข่าวว่ามีหลายฝ่ายเตรียมผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม"รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พี่ใหญ่แห่ง"3 ป." เป็นนายกฯคนต่อไป ตามมาตรา 272 หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรัฐมสนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนต้อง "เปลี่ยนตัวนายกฯ" มูลเหตุแห่งการ "เปลี่ยนตัวนายกฯ" มาจากที่คาดการณ์กันว่า หากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีแล้ว จะต้องพ้นจากตำแหน่งไปในเดือนสิงหาคม ขณะที่อีกปัจจัยหนึ่งคือการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าแพ้โหวตในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่สามารถยุบสภาได้ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปในทันที นอกจากนี้ เมื่อเปิดประชุมสภาในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ยังมีญัตติพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง และวิธีการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญของรัฐบาล หากถูกคว่ำในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก อีกทั้งยังมีกรณีที่รัฐบาลเสนอพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 และแพ้โหวตในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา หรือลาออก ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 "มาตรา 272" เปิดช่องทางไว้ให้มี "นายกฯคนนอก" โดยกำหนดกติกาว่า กรณีที่ไม่อาจตั้งนายกรัฐมนตรีจากรายชื่อสามคนที่พรรคการเมืองเสนอไว้ได้ สมาชิกของสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. อาจรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 376 คน จาก 750 คน เพื่อเสนอเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็ได้ และหากรัฐสภาซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. และ ส.ว. ลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 500 คน จาก 750 คน ก็จะสามารถเชิญใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ โดย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 "มาตรา 272" บัญญัติไว้ว่า ... ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้