สำหรับ SiteMinder (ไซต์มายเดอร์) ผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกด้านโฮเทลคอมเมิร์ซแบบ Open Platform ได้เผยโฉมแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ที่จะทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยคุณสมบัติพิเศษในการบริหารการขาย การทำการตลาด การบริหารธุรกิจ และการต่อยอดธุรกิจ โดยได้รวบรวมโซลูชั่นต่างๆ ของบริษัทมารวมกันไว้ในที่เดียว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำโรงแรมสู่ยุคใหม่ของโฮเทลคอมเมิร์ซ ที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของธุรกิจและผลลัพธ์ทางการค้ามาเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ นายแซนการ์ นารายันประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการบริษัทไซต์มายเดอร์ กล่าวว่า เวลานี้หลายโรงแรมเจอกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถ บวกกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการบริหารจัดการธุรกิจ และความต้องการของผู้เข้าพักที่มีมากกว่าเมื่อก่อน ยิ่งไปกว่านั้นโรงแรมยังพบกับปัญหาในการตัดสินใจเนื่องจากมีเทคโนโลยีในตลาดจำนวนมาก ความล่าช้าในการปรับใช้เทคโนโลยีจากการมีลูกค้าหลากหลายช่องทางและต้องคำนึงถึงการตอบสนองความต้องการลูกค้า รวมถึงข้อจำกัดในการขยายโซลูชั่นทางการค้า ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการสร้างรายได้สูงสุด ดังนั้นแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ของไซต์มายเดอร์นี้ จะเป็นศูนย์กลางในการเป็นตัวกลางเข้าถึงลูกค้าของธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่เพียงแต่นําเอาเทคโนโลยีต่างๆมารวมอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น แต่สร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีด้านโรงแรมที่ครอบคลุมและเป็นสากล นับเป็นเจ้าแรกในการทำให้ทุกอย่างเข้าถึงได้ง่ายและมีประโยชน์แก่โรงแรมหลายที่ทั่วโลกแล้ว ด้วยการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในหลายๆ ภาคส่วน เช่นธุรกิจรีเทลและธุรกิจธนาคาร ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ ไซต์มายเดอร์ เข้ามามีส่วนที่จะช่วยให้ธุรกิจโรงแรมมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น การจัดการทุกอย่างง่ายขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่ใช้แพลตฟอร์มล้ำหน้ากว่าผู้อื่นในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหญ่หรือเล็กก็ตาม ด้วยการรวมตัวของทุกโซลูชันของไซต์มายเดอร์ ในแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็น ระบบการจองโรงแรม ระบบบริหารโครงการ แอปพลิเคชันโรงแรม และที่ปรึกษาของโรงแรม ซึ่งจะเข้ามาช่วยสร้างความสามารถต่างๆ ให้กับธุรกิจโรงแรมได้ โดย ไซต์มายเดอร์ ถือเป็นบริษัทระดับโลก ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง ซิดนีย์ และสำนักงานย่อยอยู่ทั้งใน กรุงเทพฯ เบอร์ลิน ดัลลัส กัลเวย์ ลอนดอน และ กรุงมะนิลา ซึ่งได้จัดสรรการจองแล้วกว่า 100 ล้านครั้ง สร้างรายได้จากการจองกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปีที่ผ่านมาก่อนเกิดการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19