วันที่ 27 เม.ย.65 นายประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการกองการเลือกตั้งพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายพาริส เจริญศิลป์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตราชเทวี พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 3 ได้พบปะฟังเสียงพนักงานการรถไฟ และครอบครัวที่บ้านพักนิคมรถไฟมักกะสัน โดยแสดงความกังวลผลกระทบของโครงการเชื่อมรถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน ที่สัญญาครอบคลุมที่ดินการรถไฟ ซึ่งเป็นบ้านพักสวัสดิการของพนักงานการรถไฟ ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะรองรับพนักงานการรถไฟอย่างไร
นายประภัสร์ กล่าวว่า รฟท.ควรมีความชัดเจนเรื่องบ้านพักสวัสดิการพนักงานการรถไฟ ไม่เฉพาะที่อยู่ในบ้านพักนิคมรถไฟมักกะสัน แต่รวมถึงบ้านพักสวัสดิการรถไฟที่อื่นด้วย ที่ต้องมีที่รองรับให้กับพวกเขา พวกเขาควรได้รับสวัสดิการที่พึงได้ จากการทำงานอย่างหนัก แต่สิ่งที่รัฐ และรฟท.กำลังกระทำกับพนักงานการรถไฟอยู่ในขณะนี้ คือการปล่อยทิ้งให้เผชิญโชคตามยถากรรม หรือเห็นว่าพนักงานการรถไฟไม่ใช่ประชาชนใช่หรือไม่
นายประภัสร์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รัฐบาล และรฟท.อาจยอมรับที่ทำให้สิ่งที่ประเทศชาติ และรฟท.เสียเปรียบหรือไม่ เพราะตามระเบียบข้อบังคับและข้อกฎหมายของทางราชการ สัญญาที่ลงนามไปแล้วจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงมิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่ทำให้รัฐเสียเปรียบ ถูกต้องหรือไม่
ซึ่งตามสัญญานั้น มีหลายประเด็นที่มีความน่าสงสัยอย่างเช่น กรณีคู่สัญญาต้องโอนและชำระราคาค่าระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ตามสัญญาให้ รฟท. เต็มจำนวนตามสัญญา แต่ รฟท.กลับยอมโอนและส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ทั้งที่คู่สัญญาเป็นผู้ผิดตามเงื่อนที่ระบุไว้ในสัญญา ไม่ชำระราค่ารถไฟฟ้าเต็มจำนวนตาม แต่รฟท.กลับยอมรับชำระหนี้ 10 % และยังยอมให้คู่สัญญาเจรจาขยายเวลาการผ่อนชำระหนี้ค่าระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์
อีกทั้งการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยอ้างว่าคู่สัญญาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้นไม่สามารถอ้างเป็นเหตุผลได้ เพราะโควิดเป็นสิ่งที่ทุกคนทั่วโลกล้วนได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งความล่าช้าไม่ได้เกิดจากการกระทำของรัฐ จึงขอตั้งขอสังเกตุว่าตามระเบียบข้อบังคับและข้อกฎหมายของทางราชการการอ้างเหตุสุดวิสัยจะทำได้เฉพาะการขอลดหรือยกเว้นค่าปรับ โดยขอขยายอายุสัญญา แต่ไม่สามารถใช้เป็นเหตุอ้างในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาที่ได้ลงนามไปแล้ว ถูกต้องหรือไม่
และที่สำคัญที่สุด คือที่ดินของ รฟท. บริเวณมักกะสัน ครอบคลุมบ้านพักนิคมมักกะสัน ที่เป็นส่วนหนึ่งในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีเนื้อที่ 150 ไร่ บริษัทคู่สัญญาได้ตั้งให้ รฟท. เพิกถอนลำรางสาธารณะตามกฎหมาย ทั้งที่บริษัทคู่สัญญาควรทราบก่อนยื่นเอกสารข้อเสนอ ไม่ใช่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างหลังเซ็นสัญญา เพื่อใช้การไม่ส่งมอบที่ดินลำราง ซึ่งมีประมาณ 1 ไร่ ซึ่งมีประมาณ 1 % ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นการประวิงการรับมอบพื้นที่ คู่สัญญาอาจใช้สิทธิเรียกร้องจาก รฟท.เพิ่มเติม เนื่องจากรับมอบพื้นที่ ทำให้รัฐเสียเปรียบประโยชน์อีกในส่วนนี้
นายประภัสร์ กล่าวว่า รฟท.ควรมีความชัดเจนเรื่องบ้านพักสวัสดิการพนักงานการรถไฟ ไม่เฉพาะที่อยู่ในบ้านพักนิคมรถไฟมักกะสัน แต่รวมถึงบ้านพักสวัสดิการรถไฟที่อื่นด้วย ที่ต้องมีที่รองรับให้กับพวกเขา พวกเขาควรได้รับสวัสดิการที่พึงได้ จากการทำงานอย่างหนัก แต่สิ่งที่รัฐ และรฟท.กำลังกระทำกับพนักงานการรถไฟอยู่ในขณะนี้ คือการปล่อยทิ้งให้เผชิญโชคตามยถากรรม หรือเห็นว่าพนักงานการรถไฟไม่ใช่ประชาชนใช่หรือไม่
นายประภัสร์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รัฐบาล และรฟท.อาจยอมรับที่ทำให้สิ่งที่ประเทศชาติ และรฟท.เสียเปรียบหรือไม่ เพราะตามระเบียบข้อบังคับและข้อกฎหมายของทางราชการ สัญญาที่ลงนามไปแล้วจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงมิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่ทำให้รัฐเสียเปรียบ ถูกต้องหรือไม่
ซึ่งตามสัญญานั้น มีหลายประเด็นที่มีความน่าสงสัยอย่างเช่น กรณีคู่สัญญาต้องโอนและชำระราคาค่าระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ตามสัญญาให้ รฟท. เต็มจำนวนตามสัญญา แต่ รฟท.กลับยอมโอนและส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ทั้งที่คู่สัญญาเป็นผู้ผิดตามเงื่อนที่ระบุไว้ในสัญญา ไม่ชำระราค่ารถไฟฟ้าเต็มจำนวนตาม แต่รฟท.กลับยอมรับชำระหนี้ 10 % และยังยอมให้คู่สัญญาเจรจาขยายเวลาการผ่อนชำระหนี้ค่าระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์
อีกทั้งการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยอ้างว่าคู่สัญญาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้นไม่สามารถอ้างเป็นเหตุผลได้ เพราะโควิดเป็นสิ่งที่ทุกคนทั่วโลกล้วนได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งความล่าช้าไม่ได้เกิดจากการกระทำของรัฐ จึงขอตั้งขอสังเกตุว่าตามระเบียบข้อบังคับและข้อกฎหมายของทางราชการการอ้างเหตุสุดวิสัยจะทำได้เฉพาะการขอลดหรือยกเว้นค่าปรับ โดยขอขยายอายุสัญญา แต่ไม่สามารถใช้เป็นเหตุอ้างในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาที่ได้ลงนามไปแล้ว ถูกต้องหรือไม่
และที่สำคัญที่สุด คือที่ดินของ รฟท. บริเวณมักกะสัน ครอบคลุมบ้านพักนิคมมักกะสัน ที่เป็นส่วนหนึ่งในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีเนื้อที่ 150 ไร่ บริษัทคู่สัญญาได้ตั้งให้ รฟท. เพิกถอนลำรางสาธารณะตามกฎหมาย ทั้งที่บริษัทคู่สัญญาควรทราบก่อนยื่นเอกสารข้อเสนอ ไม่ใช่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างหลังเซ็นสัญญา เพื่อใช้การไม่ส่งมอบที่ดินลำราง ซึ่งมีประมาณ 1 ไร่ ซึ่งมีประมาณ 1 % ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นการประวิงการรับมอบพื้นที่ คู่สัญญาอาจใช้สิทธิเรียกร้องจาก รฟท.เพิ่มเติม เนื่องจากรับมอบพื้นที่ ทำให้รัฐเสียเปรียบประโยชน์อีกในส่วนนี้