ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การผลักดันหลักสูตร IES ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เป็นหลักสูตรที่มีความยืดหยุ่นในการเลือกเรียนรายวิชาให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน จนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนรองรับความท้าทายการเติบโตด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมท เพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายให้หลักสูตร IES เป็นหลักสูตรนำร่องในการสร้างแพลตฟอร์ม PIES ที่จะรวบรวมองค์ความรู้ทางวิชาการและเครือข่ายจากหลายภาคส่วน ที่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ด้าน รศ.ดร.เสวกชัย ตั้งอร่ามวงศ์ รักษาการประธานหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขานวัตวิศวกรรมเพื่อความยั่งยืน กล่าวถึงรายละเอียดของหลักสูตร IES ซึ่งมีรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ทั้งรูปแบบออนไลน์ การเรียนการสอนในห้องเรียน และกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการลงมือปฏิบัติจริง และความพิเศษของหลักสูตรนี้ คือ เปิดกว้างสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาจากทุกหลักสูตรที่มีความสนใจในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งแรกเริ่มหลักสูตร IES นี้จะเน้นการเรียนการสอนนอกเวลาทำการในช่วงเย็นวันธรรมดา และวันเสาร์หรืออาทิตย์ ทำให้ผู้ที่ทำงานประจำสามารถเรียนได้ ดำเนินการสอนโดยคณาจารย์จากหลากหลายคณะทั้งจากภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดจนนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิชาการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่จะเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริง ผู้ที่สำเร็จจากหลักสูตรนี้สามารถทำงานเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างความยั่งยืนในองค์กรธุรกิจ หรือการจัดทำนโยบายสิ่งแวดล้อมขององค์กร ในองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งช่วยส่งต่อความรู้ความเข้าใจสู่สังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา และทำงานร่วมกันเป็นทีมระหว่างบุคลากรจากหลากหลายสาขา นำไปสู่การเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศที่จะสร้างการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมเสวนาแบบไฮบริด “Innovation towards Sustainability | Global Crisis Now เมื่อโลกกำลังเผชิญภาวะวิกฤต...คิด ทำ นำสู่ความยั่งยืน” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มาจากภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแลกเปลี่ยนมุมมองในด้านการสร้างความยั่งยืนภายใต้สถานการณ์ที่มีความท้าทายจากหลากหลายปัจจัยและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของมนุษย์ และสภาพแวดล้อม ด้านนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ MAI กล่าวว่าหลักสูตร IES เป็นหลักสูตรที่มีความทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ รวมถึงมีความยืดหยุ่นและหลากหลายสำหรับผู้เรียน ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงในโลกที่มีความผันผวน ไม่แน่นอน และแนวโน้มการเกิดวิกฤติที่รุนแรงและบ่อยมากขึ้น โดยได้อธิบายถึงหลักการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ 1) การทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ยึดหลักบรรษัทภิบาล ซึ่งเป็นพื้นฐานขององค์กรที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน เช่น การบริหารงาน ความโปร่งใส หรือการมีระบบการบริหารจัดการที่ดี 2) การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม 3) การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ เช่น เรื่องของสิ่งแวดล้อม โรคระบาด การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี (technology disruption) 4) การนำนวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและรายได้ 5) การบริหารจัดการความเสี่ยงในรอบด้านเพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งในการดำเนินการด้านความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ คือ การพัฒนาทั้งกลุ่มบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ให้มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน กลุ่มผู้ลงทุนโดยการให้มีข้อมูล เครื่องมือ และความเข้าใจในการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (responsible investment) และกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องอยู่ในตลาดทุน (intermediaries) ให้มีข้อมูล ความรู้ความเข้าใจ รวมถึงสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ นอกจากนี้ ยังมีการทำ Life platform ที่มีการรวมพาร์ทเนอร์มาร่วมกันสนับสนุนและใช้จุดแข็งของแต่ละภาคส่วนมาสนับสนุน SMEs หรือ Startup ที่อยู่ในตลาด