กุมารแพทย์ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ แนะนำ ผู้ปกครองเร่งพาบุตรหลานวัยต่ำกว่า 12 ปี รับการวัคซีนป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เตือนแม้หายแล้วยังต้องระวังอาการหลังป่วย ล่าสุดกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ทั้ง 14 แห่ง พร้อมรับสถานการณ์และยกระดับดูแลผู้ป่วยสุดกำลัง นพ.เจริญ เดโชธนวัฒน์ กุมารแพทย์ ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 2 ก.พ. 2565 มีเด็กติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวม 13,600 คน แบ่งเป็นกลุ่มอายุ 0-2 ปี ติดเชื้อสะสม 4,448 คน. กลุ่มอายุอายุ 3-4 ปี ติดเชื้อสะสม 3,212 คน และกลุ่มอายุ 12-17 ปี ติดเชื้อสะสม 12,126 คน โดยกลุ่มอายุ 0-4 ปี และ 5-9 ปี ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากในครอบครัว ขณะที่กลุ่มอายุ 10-14 ปี และ 15-19 ปี ติดเชื้อจากนอกบ้าน ทั้งนี้เด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี เป็นช่วงวัยที่มีแนวโน้มการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่ติดต่อได้ง่าย จึงทำให้เกิดการระบาดภายในครอบครัว ประกอบกับสถานศึกษาหลายแห่งที่เปิดเรียนแบบ on-site ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในสถานศึกษา รวมทั้งยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ส่งผลให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กอายุ 5 -11 ปี และยังพบว่าเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 กว่าร้อยละ 90 อาการไม่รุนแรง โดยกลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ กลุ่มอายุน้อยกว่า 1 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว โดยขณะนี้ มีเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 (กลุ่มผู้ป่วยสีแดงและสีเหลือง) พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ และโรงพยาบาลในเครือประมาณ 200 ราย และมีบางส่วนที่รักษาตัวใน Hospitel หรือ Home Isolation “เด็กที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 2 เดือน บางรายอาจมีอาการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ด้วยภาวะอาการ Multisystem inflammatory syndrome in children (MIS-C) มีไข้สูง ผื่น ตาแดง ปากแดง ผื่นขึ้นตามตัว มีอาการช็อค ลักษณะอาการคล้ายโรคคาวะซากิ ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้” การดูแลและป้องกันเด็กจากการติดเชื้อโควิด-19 ผู้ปกครองควรให้เด็กเล็กหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จําเป็น เลี่ยงการสัมผัสวัสดุต่างๆในที่สาธารณะ ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปาก ควรล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ยกเว้นเด็กแรกเกิดถึง 2 ปี เพราะระบบการหายใจยังไม่แข็งแรงพอ ย้ำการพาบุตรหลานที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ไปรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) เป็นสิ่งสำคัญป้องกันการป่วยหนัก และลดภาวะการเกิด MIS-C เพราะแม้ว่าเด็กที่ติดเชื้อจะอาการไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตต่ำ แต่ก็เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ด้านพญ.ธัญลักษณ์ ศรีบูระเดช ผู้อำนวยการแพทย์ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ทั้ง 14 แห่ง พร้อมให้การดูแลประชาชนในการตรวจและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ครอบคลุมทุกสีและผู้ป่วยในทุกสิทธิฟรี ทั้งสิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ ทั้งนี้ได้จับมือโรงแรมเปิด Hospitel จัดบริการ Home Isolation ดูแลผู้ป่วยที่บ้านไปแล้วประมาณ 50,000 ราย และหากผู้ป่วยกลุ่ม Home Isolation รายใดอาการหนักก็จะรับตัวมารักษาต่อที่ทันที “อนาคตโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งหากรู้จักการดูแลป้องกันตัวเองได้ดี ก็สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ แต่ถ้าติดเชื้อก็ต้องรีบรักษา เมื่อไม่สามารถเลี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 ได้ ก็ต้องยอมรับและอยู่อย่างมีสติไม่ต้องกลัว” พญ.ธัญลักษณ์ กล่าว