เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565 นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 12 และหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงแผนการทำโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นว่า นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ได้แจ้งว่า ตอนนี้มี 15 จังหวัดที่สนใจและมีความพร้อมเป็นพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) เส้นทางกรมควบคุมโรคก็ได้ทำหลักเกณฑ์เสร็จแล้ว แต่ต้องหารือกันในที่ประชุม EOC ของ สธ.อีกครั้งก่อน ยกตัวอย่างของภาคใต้ก็จะมี จ.สงขลา ที่มีความพร้อม เพราะมีอัตราการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ได้ครอบคลุมเกือบ 80% และเข็มกระตุ้นอีกเกือบ 30% ทั้งนี้ การกำหนดพื้นที่จังหวัดแซนด์บ็อกซ์ ก็เป็นการดึงความมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงด้วย เพราะประชาชนในพื้นที่ก็อยากทำมาหากินเปิดการค้า กลับมาใช้ชีวิตได้
ทั้งนี้หลักเกณฑ์สำหรับการเป็นโรคประจำถิ่น จะดูจาก 1.จำนวนผู้ติดเชื้อต่อเคสต่อแสนประชากร 2.จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและการรองรับในแต่ละจังหวัด 3.อัตราการเสียชีวิตต้องต่ำกว่า 0.1% และ 4.ถ้าฉีดวัคซีนจะต้องครอบคลุมอย่างน้อย 80% โดยเฉพาะกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ทั้งนี้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงขึ้นก็คาดว่าวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะสามารถทำได้ตามแผนโรคประจำถิ่น
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การฉีดวัคซีนโดยเฉพาะเข็มกระตุ้นในกลุ่มเสี่ยงจะต้องมากกว่า 60% การฉีดวัคซีนสำหรับนักเรียนที่เริ่มฉีดเข็มแรกไปช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ขณะนี้ก็ต้องฉีดเข็มกระตุ้นก่อนเปิดเทอม และกลุ่มเด็กเล็ก 5-11 ปี ที่ฉีดเข็มที่ 1 ครอบคลุมแล้วประมาณ 50% ก็ต้องฉีดเข็มที่ 2 ตามมาด้วย