ผบก.น.4 ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ด้านเจ้าของรถยันทำงานมา 10 ปี ไม่เคยมีปัญหา จากกรณีที่เมื่อวานนี้ ทางตำรวจ สน.โชคชัย ได้รับแจ้งเหตุมีรถ"อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู" ถูกยิงด้วยอาวุธปืน บริเวณริมถนนตลาดนัดหัวมุม 11 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซึ่งที่เกิดเหตุพบรถตู้ของอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู หมายเลขทะเบียน ฮษ 5759 กทม.จอดอยู่ข้างทาง จากการตรวจสอบพบบริเวณกระจกหลังมีรูถูกกระสุนปืนยิงเข้าใส่ 1 นัด โดยพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ล่าสุด วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ สน.โชคชัย พลตำรวจตรีพรชัย ขจรกลิ่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (ผบก.น.4) ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องตนได้มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว และให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง แต่ตำรวจมีประเด็นไว้ในใจอยู่แล้ว ส่วนในพื้นที่เกิดเหตุมีการคาบเกี่ยวพื้นที่รับผิดชอบของ 3 มูลนิธิฯ ที่ผ่านมาตนเองเป็นผู้กำกับที่ สน.โชคชัย รองผู้บังคับการ จนกระทั้งเป็นผู้บังคับการ ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงในลักษณะนี้มาก่อน ซึ่งเชื่อว่าการพูดคุยเจรจายังเป็นวิธีที่ได้ผลและทำความเข้าใจกันได้มากที่สุด หลังจากนี้จะเชิญมูลนิธิที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการระงับเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงเหมือนในพื้นที่ บก.น.5 ด้าน นายชยธร ส่งศิริประดับบุญ อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู และเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อคืนช่วงประมาณ2ทุ่มกว่าๆ หลังจากไปส่งผู้ป่วยรีเฟอร์ ก็ได้ขับรถกลับมาประจำจุดกับพี่ๆมูลนิธิ จากนั้นตนก็เดอนลงไปคุยกับพี่ๆที่จอดรถอยู่ด้านหน้าประมาณ5-10นาที ก็เดินกลับมาที่รถ จังหวะที่เดินจะถึงรถสายตาก็เหลือบไปเห็นตนร้าย1คน ขับจักรยายนต์หนึ่งคันยื่นค่อมรถ และเล็งปืนหันมาทางตน วิถีกระสุนน่าจะเป็นบริเวณหน้าอก แต่เหมือนกระสุนจะขัดลำ หรือยังไม่ได้ขึ้นลำตนก็ไม่แน่ใจ เพราะหลังจากจ่อกระบอกปืนมาที่ตน คนร้ายก็ขึ้นลำปืน และหัดปากกระบอกปืนไปที่รถตนก่อนจะยิงที่ละนัด จำนวน3นัด ก่อนจะขับรถหลบหนีไป หลังจากเสียงปืนสงบตนก็วิ่งไปหาแฟนสาวที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่เบาะข้างคนขับ เมื่อพบว่าแฟนไม่ได้รับบาดเจ็บตนก็รีบวิ่งตามจักรยายนต์คันดังกล่าว และมีพี่กู้ภัยอีกคนที่ขับรถจักรยายนต์ตามไปแต่ไม่ทัน ส่วนลักษณะคนร้ายนั้น ผอม สูง สวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ ขี่รถจักรยายนต์สีแดง อย่างไรก็ตามตนทำงานด้านกู้ภัยมา10ปี และมาเป็นอาสาร่วมกตัญญู3ปี ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเองเลย และส่วนตัวก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร ซึ่งมูลนิธิใกล้เคียงก็รู้จัก และเป็นเพื่อนกันหมด เลยไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร หรือเป็นลักษณะการยิงผิดตัวหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือรถร้ายไม่ได้เป็นการข่มขู่ แต่เป็นการหมายเอาชีวิตแน่นอน