จากชื่อเดิม คือ โคโค่ปาล์ม ที่เปิดมาในช่วงเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทางทะเลมา 17 ปี ผ่านการทดสอบศักยภาพของการบริหาร จนทำให้เป็นที่ไว้วางใจของพันธมิตรจากมัลดีฟส์ จึงทำให้ นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้รับความไว้วางใจ และสามารถพัฒนาแบรนด์อนันตรา ก้าวสู่ระดับนานาชาติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เป็นเรื่องแปลก เมื่อ โคโค่ปาล์ม ได้ถูกพัฒนาเป็น โรงแรม อวานี พลัส เขาหลัก และกลายเป็นเรือธงที่เป็นบรรทัดฐานให้กับอวานี พลัส ทั่วประเทศ โดย นาย ลีแอนโดร คาวาโค ซิลวา ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม อวานี พลัส เขาหลัก ได้สะท้อนแผนการทำงานเพื่อสอดรับกับนโยบายดังกล่าว บรรทัดฐานของอวานีพลัสทั้งหมด โดย นาย ลีแอนโดร คาวาโค ซิลวา ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม อวานี พลัส เขาหลัก กล่าวว่า โรงแรมแห่งนี้เปิดมาประมาณ 1 เดือน ซึ่งชื่อแรก คือโคโค่ ปาล์ม ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ มีพันธมิตรหลัก เป็นผู้บริหารจากมัลดีฟส์ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่สำคัญ เพราะเป็นแฟลกชิพ หรือ เรือธง ของอวานี พลัส ในประเทศไทย และทั่วโลก เพราะหลังจากนี้ อวานี พลัสในประเทศไทยจะเกิดขึ้น โดยมี อวานี พลัส เขาหลัก เป็นบรรทัดฐานของอวานีพลัส ทั้งหมด สำหรับอวานี พลัส เขาหลัก มีผลต่อจิตใจของนายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค เป็นอย่างมาก เพราะตอนที่เกิดสึนามินั้น การจัดการ ดูแลโรงแรม การดูแลลูกค้า และภาพโดยรวมทั้งหมดเปิดโอกาสให้อนันตรา และเครือไมเนอร์ไปสู่ตลาดมัลดีฟส์ ซึ่งถ้าไม่มีที่นี่ ไมเนอร์ก็จะไม่สามารถเติบโต ในตลาดนานาชาติได้ จึงถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้ไมเนอร์ก้าวไปสู่ระดับโลก ทั้งนี้ นาย ลีแอนโดร กล่าวว่า ปัจจัยหลัก ที่จะผลักดันให้อวานี พลัส เป็นบรรทัดฐานสากล มีกลยุทธ์เริ่มต้นจากการมีทีมที่เป็นมืออาชีพในแต่ละด้านจากทุกๆ โรงแรม เพราะเมื่อมีทีมเวิร์คที่ดี ก็จะมีไอเดียที่ดีมาลงมือทำกันให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด มีบุคลากรที่ดี เพื่อผลของงานที่ออกมาดีที่สุด สำหรับตัวอย่างกับอวานี พลัส อื่นๆ ทั้ง ภูเก็ต พังงา สมุย ลันตา และกรุงเทพฯ เป็นต้น หวังเติบโตเทียบแบรนด์อนันตรา พร้อมกันนี้ นาย ลีแอนโดร กล่าวว่า อวานี พลัส เขาหลัก เป็นที่แรก ซึ่งเป็นรีสอร์ท เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน ให้ อวานี พลัสทุกโรงแรมจะต้องปฏิบัติ ด้วยสไตล์ที่แตกต่างจากแบรนด์อนันตรา เพราะเป็นแบรนด์น้องใหม่ เพราะฉะนั้นการที่จะอยู่ตรงจุดนี้ จะต้องมีบรรทัดฐานของเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนเดินทางไปสู่จุดหมายในทิศทางเดียวกัน เติบโตเทียบกับแบรนด์อนันตราในอนาคต ซึ่งจุดแตกต่างระหว่างแบรนด์อวานี พลัส กับ แบรนด์อนันตรา คือ มีอวานี ฟิต สามารถออกกำลังกายได้ 24 ชั่วโมง และที่เขาหลัก จะใหญ่ที่สุดในแถบนี้ และอวานี คิท ใหญ่ที่สุดเหมือนกัน โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายของอวานี เวลานี้ คือ เป็นวัยหนุ่มสาว ที่กระตือรือร้น อย่างไรก็ตาม นาย ลีแอนโดร ยังกล่าวต่อว่า อัตราการเข้าพักของเดือนมีนาคมอยู่ที่ ประมาณ 50% จากห้องพัก ที่มีประมาณ 327 ห้อง ขณะที่ในช่วงสิ้นปี 2565 ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 65% มาจากพื้นฐานของลูกค้า หรือปัจจัยเสริม มาจากลูกค้าที่เป็นลูกค้าในประเทศ หรือโดเมสติก โดยในเดือนเมษายน มีประมาณ 90% ส่วน 10% เป็นต่างชาติที่มาในโครงการแซนด์บ็อกซ์ เป็นต้น ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม ได้ตั้งเป้าไว้ประมาณ 70 % โดยยังเป็นลูกค้าในประเทศ แต่จะตั้งเพิ่มขึ้นในลูกค้าต่างประเทศประมาณ 30% เนื่องจากบทเรียนที่ได้รับจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทำให้เห็น ว่า ตลาดไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับโรงแรม เพราะฉะนั้นบุ๊กกิ้งจะเป็นอย่างไร ตลาดไทยก็ยังมีความสำคัญ โดยจะยังคงรักษากลุ่มตลาดตรงนี้ไว้ โดยในอนาคตแม้ตลาดเขาหลัก อย่าง ตลาดรัสเซีย สแกนดิเนเวีย จะเข้ามาตามเดิมก็ตาม แต่ทางโรงแรมจะพยายามปรับฐานลูกค้าให้สมดุลที่สุด ซึ่งเวลานี้ไทยเป็นฐานลูกค้าที่ดี ส่วนอินเดีย และจีนกำลังจะเข้ามาในอนาคตเพื่อการตลาดเติบโตในอนาคต สำหรับ อวานี พลัส เขาหลัก รีสอร์ท ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 100,000 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบอย่างทันสมัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมาะสำหรับทุกการพักผ่อน ทั้งสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก ห้องอาหารสุดชิค ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลอันดามันงดงาม โดยมีห้องพักหลากหลายประเภทเพื่อตอบรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งห้องพักแบบ ดีลักซ์ ลากูน พูล ที่มาพร้อมระเบียงขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะสำหรับคู่รักหรือแม้แต่นักเดินทางเพียงลำพัง ไปจนถึง แฟมิลี่ พูล สวีท ที่มีขนาดกว้างขวางสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกตัวน้อย โดยมีทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ พร้อมมุมห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารแยกเป็นสัดส่วนท่ามกลางวิวสวนสวย