จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊ก Nattapong NC Chadong ได้ลงภาพนิ่งและคลิปหน้ารถในเพจเฟสบุ๊กเรารักดอนเมือง พร้อมระบุข้อความ #ตำรวจเมาแล้วขับ #ตำรวจชนแล้วหนี​ ชนรถ2คัน ชนที่ถนนประชาอุทิศ และแยกวัดสีกัน ทะเบียน 07637 ซึ่งในคลิปจะเห็นรถตำรวจขับแซงทางขวาก่อนจะปาดหน้ารถคันที่มีกล้องหน้ารถ ลักษณะไม่เปิดไฟวิ่ง กระทั้งถึงแยกวัดพุทธสยาม ( วัดสีกัน ) รถตำรวจคันดังกล่าวได้ชนท้ายรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ ก่อนจะเบี่ยงขวาแล้วขับออกไป ซึ่งมีคนพยายามวิ่งตามแต่ไม่ทัน ทั้งนี้ในคอมเม้นยังระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้รถตำรวจคันดังกล่าวได้ชนแท็กซี่ ที่ถนนประชาอุทิศขาออกจนรถพุ่งไปชนมิเตอร์ประปา ได้รับความเสียหายก่อนจะขับหนีออกมาถนนสรงประภา ขาออกจนมาชนกับรถที่จอดติดไฟแดงตามคลิป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุมีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการได้พยายามขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามไปจนถึงบางบัวทอง ระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร มีการบอกให้จอดแล้วแต่คนขับซึ่งคาดว่าจะเป็นตำรวจไม่ยอมจอดรถ และมีลักษณะมึนเมา ก่อนจะคราดกัน อย่างไรก็ตามผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่สน.ดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่รถของสน.ดอนเมือง และอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นรถของหน่วยงานใด ในเวลาต่อมา ช่วงสายของวันนี้ พันตำรวจเอกรังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการ สน.ดอนเมือง ได้เดินทางมาพร้อมกับพันตำรวจตรีประวิทย์ กิณณะรีแช สารวัตรอำนวยการ กองกำกับการ 6 บก.จร. ผู้ขับขี่รถยนต์ตราโล่ห์ คันก่อเหตุ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย กับ พ.อ.อ.(พันจ่าอากาศเอก) ประทีป แสงรัศมี ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ที่บริเวณ บ้านพักของผู้ชับขี่รถแท็กซี่ โดยใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 30 นาที ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยพันตำรวจตรีประวิทย์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ขณะที่ตนเองเดินทางมาหาเพื่อน ในย่านนี้แต่ไม่คุ้นเส้นทาง จึงมีการเปิดแอปนำทาง เพื่อจะกลับบ้านพักในย่านพระราม 2 แต่ จีพีเอสได้นำทางมาในเส้นทางที่ตนเองไม่คุ้น จึงเกิดการเฉี่ยวชน ขึ้น ซึ่งตอนที่เฉี่ยวชนรถแท็กซี่ตนเองได้จอดรถและตะโกนแจ้งเจ้าของรถว่า จะติดต่อมาชดใช้ ไม่ต้องกลัว แต่ตนเองรีบเพราะลูกไม่สบายอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงรีบเดินทางออกไป ก่อนจะไปเฉี่ยวชนกับรถคู่กรณีอีกคัน ทั้งนี้ตนเองยืนยันว่าเมื่อคืนไม่ได้มึนเมา แต่เป็นเพราะตนเองมีโรคต้อลม ในดวงตา และไม่คุ้นเคยเส้นทางจึงเกิดการชน ส่วนที่รีบกลับเพราะลูกไม่สบายไม่มช่หลบหนี ซึ่งตนเองได้เจรจาพูดคุยกับคู่กรณีโดยพร้อมชดใช้ในความเสียหายทั้งหมดทั้งค่าเสียเวลาและค่าซ่อมให้กับอู่ ซึ่งตนเองได้มีการพยายามติดต่อเจ้าของรถแท็กซี่ในช่วงเวลาประมาณ 03:00 น. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ก่อนที่จะว่าติดต่ออีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้จึงมีการนัดหมายเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหาย ขณะที่ พ.อ.อ.ประทีป ผู้ขับขี่รถยนต์แท็กซี่ระบุว่า จุดเกิดเหตุคือริมถนนในซอยตรงข้ามบ้านพักซึ่งขนาดนั้นตนเองได้มีการจอดรถและไปเข้าห้องน้ำที่บ้านเพื่อจะวิ่งรถต่อก่อนที่ลูกสาวจะวิ่งมาบอกว่ารถที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้านถูกเฉี่ยวชนเมื่อตนเองออกไปถึงหน้าบ้านก็เห็นว่ารถตำรวจคันดังกล่าวยังคงจอดอยู่แต่ไม่ได้ลงจากรถเพราะเมื่อมีการเดินลงไปใกล้ใกล้ก็มีการตะโกนอะไรบางอย่างซึ่งขณะนั้นตนเองจับใจความไม่ได้เพราะว่าผู้ขับขี่มีการเปิดกระจกรถที่บริเวณด้านซ้ายแต่ตนเองยืนอยู่บริเวณด้านขวาจึงไม่ได้ยินว่าคนรถพูดว่าอะไรก่อนที่ในเวลาต่อมารถยนต์ตำรวจคันดังกล่าวได้เลี้ยวออกจากจุดเกิดเหตุและขับด้วยความเร็วออกไป ทั้งนี้ตนเองยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ในวันนี้ได้มีการพูดคุยเจรจากับทางคู่กรณีซึ่งเบื้องต้นทางคู่กรณีแจ้งว่าจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดซึ่งตนเองพอใจแต่ขอให้ทางคู่กรณีทำตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้รวมถึงขอให้ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง เพราะรถบนถนนมีมากมายอาจเกิดอันตรายกับบุคคลอื่นได้ ด้าน พันตำรวจเอกรังสรรค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองระบุว่าเบื้องต้นในส่วนของคดีอาญาเกี่ยวกับระบอจราจรก็จะมีการดำเนินการแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินคนอื่นเสียหายและจะมีการดำเนินการส่งตัวไปตรวจสอบเกี่ยวกับสารเสพติดรวมถึงบริวารแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเพื่อใช้ประกอบสำนวนในการส่งฟ้องอีกครั้งในส่วนของการชดใช้ในทางแพ่ง ในวันนี้ก็ตนเองได้เดินทางมาเป็นตัวกลางในการเจรจาไก่เกียเพื่อสร้างความ มั่นใจกับทางคู่กรณีว่าทางตำรวจจะชดใช้ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นซึ่งการเจรจาก็ถือว่าประสบผลสำเร็จสามารถตกลงกันรู้เรื่องทั้งสองฝ่ายและทางคู่กรณีที่เป็นผู้เสียหายก็ไม่ติดใจหากทางตำรวจชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดได้