การชิงชัยเก้าอี้นายกเมืองพัทยา มีผู้สมัครจาก 4 กลุ่มการเมือง ลงแข่งขัน ไล่ตั้งแต่ “กลุ่มเรารักพัทยา” ของนายสนธยา คุณปลื้ม ที่ส่งนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผช.รมต.วัฒนธรรม ลงสมัคร ได้หมายเลข 1 ตามด้วยผู้สมัครอิสระอย่าง นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ อดีตนายอำเภอบางละมุง และอดีตรองอธิบดีกรมการปกครองที่ลงสมัครอิสระ ได้หมายเลข 2 ขณะที่กลุ่มพลังก้าวหน้า ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส่งนายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ได้หมายเลข 3 สุดท้ายกับคู่แข่งที่ดูจะสูสีกับกลุ่มของนายสนธยา คุณปลื้ม อย่าง “กลุ่มพัทยาร่วมใจ” ที่มีนายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ที่แตกกลุ่มออกจากซุ้มบางแสน และมีฐานการเมืองเดียวกันมาลงสมัครแข่งขัน โดยงานนี้ส่ง นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ลงสมัคร ได้หมายเลข 4 โดยแต่ละกลุ่มก็มีแนวนโยบายที่ชัดเจนของตัวเองที่จะนำเสนอต่อประชาชน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา หมายเลข 1 กล่าวว่า หมายเลขที่ได้ไม่ว่าจะเป็นเลขใดไม่สำคัญ การจับได้หมายเลข 1 ถือว่าเป็นโชคดี ด้วยเป็นเลขที่พี่น้องประชาชนจำได้ง่าย สำหรับทีม “เรารักพัทยา” นั้นนโยบายของทีมจะนำเสนอผ่านตัวเองที่จะเข้าไปพบกับประชาชน ผ่านทีมงาน ผู้บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา รวมทั้งการให้นโยบายผ่านสื่อโซเชียลด้วย สโลแกนคือ “Better Pattaya” ต่อยอด ต่อเนื่อง เพื่อเมืองพัทยาที่ดีขึ้น มุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การแก้ปัญ หาความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องเศรษฐกิจ การจ้างงาน การสร้างรายได้ 2.การยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิต และเรื่องสิ่งแวดล้อมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เบ็ดเสร็จ 3.สานต่อวิสัยทัศน์ของเมืองพัทยาที่ได้ดำเนิน การไปหลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบนเกาะล้าน ที่นาเกลือการปรับภูมิทัศน์ชายหาด และ 4.การเตรียมความพร้อมเรื่องพัฒนาบุคลากรทางด้านเทคโนโลยี และการศึกษาเพื่อตอบโจทย์ที่เราเป็นศูนย์กลาง EEC หลังจากนั้นจะขยายนโยบายทั้ง 4 ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเศรษฐกิจ การจ้างงาน ซึ่งมีแผนจะสร้างพื้นที่ค้าขายให้กับประชาชน กระจายรายได้สู่ชุมชน “คนพัทยาได้งาน ผู้ประกอบการได้คน” เป็นการส่ง เสริมอาชีพด้วย ส่วนเรื่องของการสานต่อวิสัยทัศน์ NEO PATTAYA อย่าง เรื่องของเกาะล้านจะทำอะไรไปบ้าง นั้น คงเน้นไปที่การพัฒนาถนนบนเกาะล้านทั้ง 15 เส้นทาง การแก้ไขปัญหามลภาวะเรื่องขยะ ที่จะมีการก่อ สร้างเตาเผาขยะในเร็ววันนี้โดยจะสามารถกำจัดขยะให้ได้ 50 ตันต่อวัน เรื่องของท่าเทียบเรือ การจัดภูมิทัศน์ต่าง ๆและแหล่งท่องเที่ยวทางชายหาด สำหรับการลงพื้นที่หาเสียงนั้น จะใช้แผนการเดินเข้าพบปะประชาชนเพื่อบอกถึงนโยบาย สภาพปัญหา และแนวทางแก้ไข ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่สำคัญที่ทำให้ได้พบปะประชาชนมากที่สุด พร้อมกับทำนโยบายผ่านสื่อโซเชียลที่จะเข้าถึงพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ด้วยความที่เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลาง EEC ก็จะมีพัฒนาควบคู่ไปกับการลงทุนและการท่องเที่ยว โดยเฉพะการจัดทำ Medical Hub หรือ Sport Tourism ด้วย โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ทีมมีความมั่นใจ และมองว่าการเลือกตั้งพัทยาไม่ได้ดุเดือดอะไร เพราะผู้สมัครทุกคนก็รู้จักกันหมด ต่างทีมต่างขายเรื่องนโยบายเป็นหลัก โดยทีมเรารักษ์พัทยานั้น มั่นใจว่านโยบายที่ออกมาสามารถทำได้จริง ด้วยความเป็นมืออาชีพ และทราบว่าควรก็จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อให้อนาคตของเมืองพัทยาดีขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่เรามุ่งหน้าต่อไปก็คือการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดย เฉพาะปัญหาที่มีกระแสมากอย่าง “ทำไมเมืองพัทยาถึงขุดทั้งปี” เรื่องนี้เป็นเพราะเมืองพัทยาต้องมีการพัฒนาเติบโตขึ้น ดังนั้นสาธารณูปโภคต้องรองรับได้ทัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นโชคดีของเมืองพัทยาที่ถูกตั้งเป็นเมืองใหญ่พิเศษมีโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินจำนวน 9 เส้นทาง ในงบประมาณนับพันล้านบาท ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561- 2566 ซึ่งหากแล้วเสร็จจะทำเมืองพัทยามีความสวยงามตามถนนสายหลัก อย่างไรก็ตามหากผลการเลือกตั้งออกมาและทีมกลุ่มเรารักพัทยาได้รับความไว้วางใจเข้าไปบริหารเมืองพัทยาต่อ ก็จะเข้าไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ประชาชน แต่อย่างไรก็ตามเมืองพัทยาจำเป็นต้องพัฒนา เพื่อรองรับการเติบโตจากความที่ถูกกำหนดให้เป็นจุดศูนย์กลางของ EEC ที่จะทำให้เกิดการลงทุนและการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น โดยการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้ง รถไฟ ความเร็วสูง การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา การสร้างท่าเทียบเรือสำราญ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตนักท่องเที่ยวจะทยอยกลับมามากเกิน 15 ล้านคนต่อปีแน่นอน ด้านนายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา หมายเลข 2 กล่าวว่า สำหรับหมายเลขที่ได้มีความพอใจมากที่สุด ด้วยหมายเลข 2 คือ Victory ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์แห่งชัยชนะ ส่วนการหาเสียงหลังจากนี้จะหาเสียงทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยออนไลน์จะเป็นสื่อทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่จะเข้าถึงพี่น้องประชาชน ส่วนการหาเสียงแบบออฟไลน์ จะเป็นป้ายติดประชาสัมพันธ์และการเดินปราศรัยหาเสียงพบปะกับพี่น้องประชาชนในทุกเขต ทุกชุมชน ในระยะเวลา 51 วัน มั่นใจจะเข้าถึงพี่น้องประชาชนได้ เพื่อจะนำนโยบายให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบประกอบในการตัดสินใจว่าจะเลือกใครมาเป็นนายกเมืองพัทยา ภายใต้สโลแกน “เปลี่ยนแปลง สร้างเมือง ยั่งยืน” ว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งมีความตั้งใจว่าจะทำให้เมืองพัทยาเป็นเมืองสวย เมืองสุข เมืองปลอด ภัยและเป็นเมืองที่พี่น้องประชาชนมีคุณภาพที่ดี นายศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องแรกนั้นจะทำให้ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น เพื่อให้การตรวจสอบเป็นเรื่องง่ายเปิดเผย โปร่งใส สุจริต ตรวจสอบได้ ซึ่งจะร่วมมือกับพี่น้องประชา ชนทุกคน สำหรับเรื่องที่สองที่จะดำเนินการจะผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย เนื่องจากเมืองพัทยาเป็นเมืองพิเศษ จะต้องใช้กฎหมายพิเศษกับเมืองพัทยา อย่างเช่นเรื่องโซนนิ่งสถานบริการ ซึ่งการขอตั้งโซนนิ่งสถานบริการในปัจจุบันได้เพียงถนนพัทยาสาย 2 เท่านั้น ตัวเองในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชนจะต้องผลักดันให้เมืองพัทยาเป็นโซนนิ่งทั้งหมด อีกทั้งเรื่องของเวลาในการเปิด-ปิดสถานบริการควรจะเปิดโอเพ่น ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยเมืองพัทยาอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยวจะต้องอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่จะมาใช้จ่ายเงินจะต้องได้ใช้จ่าย ทั้งนี้ถือเป็นความตั้งใจที่จะแก้ไขหากพี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนไปผลักดันให้มีการใช้กฎหมายพิเศษกับเมืองพัทยา ส่วนเรื่องที่สามที่อยากเห็นคือจุดวันสต็อปเซอร์วิส จะต้องเป็นจุดวันสต็อปเซอร์วิสที่แท้จริง โดยส่วนราชการทั้งหมดทั้งส่วนกลางส่วนภูมิภาค บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน สมัยที่เป็นนายกอำเภอบางละมุงได้ดำเนินการจนประสบความสำเร็จไปแล้ว และวันนี้ผมอาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนเพื่อคืนอำนาจ ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้เพื่อคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชนทุกคน สิทธิการเลือกตั้งเป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน ขอให้ประชาชนใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยความจำเจ ความซ้ำซากที่เคยมีแบบเดิม ๆ โดยให้พี่น้องเลือกผู้สมัครนายกเมืองพัทยาทั้ง 4 คน ว่าคนไหนที่เห็นว่าจะสามารถทำงานได้จริง มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เพื่อตัดสินใจเลือก การเลือกตั้งวันนี้เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงเมืองพัทยาและเราจะร่วมกันสร้างเมืองพัทยาและให้มีความยั่งยืน โดยสร้างให้คนพัทยาเป็นเจ้าของเมืองพัทยาเพื่อให้เกิดความห่วงแหนเมืองพัทยาที่จะไม่ให้คนมาทำลายบ้านของเขา ซึ่งอนาคตเมืองพัทยาอยู่ในมือของชาวพัทยาทุกคน “มีคนสอบถามหลายคนว่าการลงมาสมัครเพียงคนเดียวนั้นอิสระจะทำงานอย่างไร ซึ่งการทำงานนั้นจะใช้แผนเป็นเครื่องมือในการทำงานปัญหาความต้องการจะมาตั้งแต่ระดับคณะกรรมการชุมชน กลุ่มองค์กรต่าง ๆที่เขาเห็นว่าจะทำอะไรเมื่อเรานำแผนความต้องการของทุกกลุ่มของพี่น้องประชาชนนำมาทำเป็นแผนพัฒนาและนำมาทำเป็นแผนงบประมาณเชื่อว่าสมาชิกสภาเมืองพัทยาทุกคนจะไม่มีใครขัด ด้วยสมาชิกสภามาจากการเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชน เชื่อมั่นว่าสมาชิกสภาทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือกันทำ ยืนยันตัวเองไม่ได้มาคนเดียวแต่มีพี่น้องประชาชนเมืองพัทยาทั้งหมดเป็นทีมที่จะร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันสร้าง ซึ่งเป็นความตั้งใจ การลงสมัครนายกเมืองพัทยาในครั้งนี้พร้อมสู้และไม่ได้เป็นไม้ประดับของใคร อีกทั้งไม่ได้มาตัดคะแนนทีมใด แต่ตั้งใจมาอยู่กับพี่น้องชาวพัทยา ตั้งใจมาสร้างบ้านเมือง ทั้งนี้ไม่หนักใจในการเป็นผู้สมัครทีมเดียวคนเดียว ด้วยการหาเสียงในปัจจุบันสื่อโซเชียลเข้าถึงพี่น้องประชาชนทุกคน” นายศักดิ์ชัย กล่าว ส่วนนายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาเบอร์ 3 กล่าวว่า ได้มีการกำหนด 8 นโยบายหลัก ซึ่งเป็นเป้าหมายในการทำงาน ได้แก่ 1.นโยบายการพัฒนาเมือง ที่จะเน้นลดความเดือดร้อนของประชาชนจากโครงการที่จัดทำในปัจจุบัน โดยจะมีการเร่งรัดพร้อมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา 2.นโยบายเศรษฐกิจท่องเที่ยว ที่จะเน้นการจัด Event กระตุ้นการท่องเที่ยว จัด Zoning ด้านการท่องเที่ยวใหม่ 3.นโยบายการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะกรณีปัญหาน้ำท่วมขังที่จะมีการจัดตั้งหน่วยระบายน้ำตลอด 24 ชม. และการกระจายน้ำประปาให้ทั่วถึง และลดปัญหาน้ำเสียในคลองสาธารณะ 4.นโยบายสิ่งแวดล้อม 5.นโยบายการศึกษา ที่จะเน้นให้มีอาหารเช้าสำหรับเด็กเพื่อลดค่าใช้จ่าย การบริหารรถรับส่งนักเรียนทุกระดับ การพัฒนาและลงทุนด้านการศึกษาโดยเฉพาะการพัฒนาทักษะวิชาชีพในอนาคตอย่างจริงจัง 6.นโยบายสาธารณสุข ได้แก่ การเพิ่มศูนย์ฟอกไต การเพิ่มศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง 7.นโยบายความเท่าเทียม เน้นการให้ประ ชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้ และ 8.นโยบายรัฐเปิดเผย เน้นพัทยาโปร่งใสเปิดเผยข้อมูลทุกด้านให้ประชา ชนตรวจสอบและมีส่วนร่วม โดยทั้ง 8 นโยบายสามารถทำได้จริงมีความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่ ขณะที่นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา หมายเลข 4 กล่าวว่า ไม่รู้สึกอย่างไรกับการได้หมายเลข 4 เพราะไม่ตั้งความหวังไว้ที่หมายเลข แต่เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ที่คุณสมบัติของตัวผู้สมัคร ที่ประชาชนคงจะดูในเรื่องคุณสมบัติเป็นหลัก และตัวบุคคลว่ามีความสามารถอย่างไร นโยบายอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตัวเองมองว่าเป็นประเด็นสำคัญ เพราะฉะนั้นทุกหมายเลขมีความสำคัญเหมือนกันหมด สำหรับการหาเสียงของทีมพัทยาร่วมใจจะเน้นนโยบายแรกเป็นเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นนโยบายหลักเลยที่ต้องเร่งดำเนินการที่ทำอย่างไรให้เราสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เมืองพัทยาเติบโตไปกว่าเดิม โดยในปี 2564 ตัวเลขนักท่องเที่ยวเรามีอยู่หมื่นกว่าคน และในปีนี้ 2565 หากเรามีโอกาสเข้าไปบริหารเมืองพัทยา สิ่งแรกที่จะทำคือเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวก่อนโดยจะดำเนินการสร้างความเข้าใจให้ กับภาคเอกชน และประชาชนเข้าสู่ขบวนการเรื่องของมาตรฐานของสาธารณสุข เพื่อจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ อันดับที่สอง ก็คือกลไกการตลาดที่ตัวเองกับภาคเอกชนได้ทำงานกันมาอย่างต่อเนื่องในการที่ขับ เคลื่อน และอยู่ในแผนที่จะทำงานสานต่อได้ทันที ส่วนการประสานงานกับภาครัฐในเรื่องของนโยบายของรัฐที่ยังมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ได้มีการประสานงานกันมาตลอดกับรักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมและภาคเอกชนในการช่วยกันผลักดันการท่องเที่ยวเมืองพัทยาภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมาตรการหรือนโยบายใดที่รัฐออกมาและเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นและสิ่งเสริมการท่องเที่ยวก็ได้เข้าไปคุยกับรัฐบาล เพื่อ ที่จะปลด หรือผ่อนปรนให้การดำเนินการธุรกิจการท่องเที่ยวเดินหน้าต่อไปได้ และที่ผ่านมาเราสามารถที่จะปลดล็อกได้ในหลาย ๆ เรื่องได้ และเชื่อมั่นว่าภายในกลางปีหรือปลายปีนี้นักท่องเที่ยวจะเติบโตได้ “หลังจากนี้การหาเสียงของทีมพัทยาร่วมในอันดับแรกเลยคือการเคาะประตูบ้านในการที่จะเดินทุกตรอกซอกซอย ซึ่งที่ผ่านทางทีมพัทยาร่วมใจได้มีการลงพื้นที่กันอย่างต่อเนื่องในการที่จะรับฟังปัญหา รับฟังความคิดเห็นความขัดข้องใจที่เกิดขึ้นในเมืองพัทยาและเราจะนำสิ่งเหล่านั้น และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเราจะนำกลับมาเป็นนโยบาย ซึ่งนโยบายโดยภาพรวมกว้าง ๆ มันมีอยู่แล้ว ส่วนความมั่นใจเราพกมาเต็มร้อยอยู่แล้วในการที่จะได้รับชัยชนะทั้งตัวนายกเองและสมาชิกเอง มั่นใจว่าชนะยกทีม” นายสินธ์ไชย กล่าว